เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กดีและฉลาดสุดสุด
โพสเมื่อ 2009-10-06 01:06:59 โดย anongchu
อาหารดีมีผลกับสมองของลูก เน้นให้ลูกรับประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่ เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ข้าว แป้ง มัน เผือก ควรทานผักและผลไม้ ดื่มนมและน้ำ ให้ลูกงดเว้นน้ำอัดลม ลูกอม และขนมถุง(อันตรายมากเพราะใส่ผงชูรส)
พ่อแม่ควรส่งเสริมลูกในการด้านเล่นกีฬา เกมส์ กิจกรรมนันทนาการ เช่น ฟุตบอล แบดมินตัน ว่ายน้ำ วิ่ง เทนนิส บาสเกตบอล หมากฮอส หมากรุก เป็น เพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกายแข็งแรง และรู้จักกฎกติกามารยาทของการกีฬา เป็นการบ่มเพาะนิสัยให้รู้แพ้รู้ชนะและมีน้ำใจเป็นนักกีฬา
คุณพ่อแม่คุณแม่ทั้งหลายโปรดทราบว่า การออกกำลังกายเป็นผลดีกับลูก ทำให้เส้นสมองเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่าย ทำให้ลูกฉลาดมาก จัด บรรยากาศภายในบ้านเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของลูก โดยการปิดภาพโปสเตอร์เรื่องดีมีประโยชน์ภาพประกอบสวยงาม แล้วพ่อแม่ชวนลูกอ่าน อ่านให้ลูกฟัง หรือให้ลูกอ่านให้ฟัง การอ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอน(ควรให้พ่อมีโอกาสอ่านด้วย) เพราะ การอ่านหนังสือเชื่อมโยงสายใยผูกพันระหว่างแม่ลูกอย่างลึกซึ้ง นิทานที่อ่านให้ฟังควรเป็นนิทานสอนใจ ควรเน้นเนื้อหาที่สนุกสนานตื่นเต้นน่าติดตามรับฟัง เมื่อแม่ อ่านจบลองถามคำถามให้ลูกตอบเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของลูกว่าสามารถฟังนิทาน รู้เรื่อง หรือให้ลูกลองเล่านิทานเรื่องนั้นให้แม่ฟังอีกครั้งหนึ่ง เพื่อดูพัฒนาการทางภาษาด้านการเล่าเรื่องของลูก ถ้าลูกสามารถอ่านหนังสือออกให้ลูกอ่านให้พ่อแม่ฟัง
พ่อแม่ควรให้ความรัก ความใกล้ชิดกับลูก ถึงแม้ว่าจะรักลูกปานดวงใจเพียงใด แต่อย่ารักมากเกินไป ความรักของพ่อแม่อาจทำร้ายลูกได้ ดังเช่น ตามใจลูกมากเกินไป ลูกเรียกร้องขออะไรก็ต้องได้ ทำให้ลูกติดนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง หรือซื้อของเล่น/เสื้อผ้ามากเกินไป เป็นการสอนลูกให้ฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งของที่ใช้สอย หรือให้เงินมาโรงเรียนมากเกินไป เป็นการสอนลูกให้ฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักคุณค่าของเงิน พ่อ แม่ต้องสร้างเงื่อนไขในการซื้อของเล่น ค่าขนม ซื้อหนังสือการ์ตูน ต้องอยู่ในระดับพอดีไม่ให้ลูกใช้อย่างฟุ่มเฟือยต้องมีเหตุผลในการจับจ่าย สิ่งของเหล่านี้ พ่อแม่ควรอธิบายให้ลูกฟังบ่อย ๆ ว่าพ่อแม่ทำงานหนักมากเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลูกและทุกคนในครอบครัว จงช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดการใช้น้ำ การใช้ไฟ การกินอาหารก็ให้กินให้มด อย่ากินทิ้งกินขว้าง
พ่อแม่ต้องสอนลูกให้รู้จักแบ่งปัน มีน้ำใจ ลูกต้องรู้จักแบ่งปันขนม ของเล่น ให้เพื่อนบ้าง
พ่อ แม่ควรสอนลูกให้รู้จักอดทน อดกลั้น รอคอยให้เป็น จงสอนลูกด้วยเหตุผลไม่ใช่ดุด่าว่ากล่าวแต่เป็นไปเพื่อฝึกให้เด็กสามารถระงับ หักห้ามใจตนเองไม่แสดงฤทธิ์แสดงเดช โวยวาย เรียกร้อง ก่อกวน มิฉะนั้นจะเป็นการบ่มเพาะนิสัยเอาแต่ใจตัวให้ลูกนิสัยนี้แก้ไขยากเมื่อโต ขึ้น
รู้จัก การให้ รู้จักหน้าที่ และมีความรับผิดชอบช่วยงานตามสมควร ลูกต้องรู้จักหาน้ำให้พ่อแม่ดื่ม ช่วยแม่ยกของเล็ก ๆ น้อย ช่วยแม่หยิบของนิด ๆ หน่อย ๆ ช่วยแม่ทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย เช่น รดน้ำต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ กวาดห้องนอนของตัวเอง เก็บเสื้อผ้าของตัวเองลงตะกร้า พับเสื้อผ้าของตนเอง เก็บของเล่น เหล่านี้เป็นต้น จงอย่ากลัวว่าลูกจะลำบาก นี่คือปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีให้ลูก เพื่อวางรากฐานการเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
จง สอนลูกให้เป็นเด็กที่มีวินัย ยกตัวอย่างเช่น นอนเป็นเวลา ตื่นเป็นเวลา ดูโทรทัศน์เป็นเวลา(อย่าตามใจให้นอนมากเกินไป จะบ่มเพาะความเกียจคร้านให้ลูก) ฝึกนิสัยให้ลูกช่วยเหลือตนเองด้วยการหัดใส่เสื้อผ้าแต่งตัวเอง อาบน้ำ ขับถ่าย แปรงฟัน ดื่มน้ำ กินข้าว ให้สามารถช่วยตัวเองได้ แต่แม่ควรคอยดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งชมเชยที่ลูกสามารถทำอะไรได้ด้วยตนเอง
พ่อแม่ต้องสอนมารยาทให้ลูกรู้จักพูดคำสุภาพ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ ขอโทษครับ ตามจังหวะและโอกาสอันควร
พ่อแม่ควรสอนลูกให้อ่อนน้อม ฝึกลูกให้ไหว้พ่อแม่ก่อนไปโรงเรียน และเมื่อกลับจากโรงเรียนทุกวัน
พ่อ แม่ควรสอนลูกให้รู้จักการวางตัวและแสดงออกในสถานที่ต่าง ๆ เช่น บ้าน ร้านค้า งานสังคมต่าง ๆ ควรสร้างเงื่อนไขก่อนออกจากบ้านเพื่อให้ลูกวางตัวให้เหมาะสม มิฉะนั้นจะควบคุมพฤติกรรมลูกไม่ได้ ลูกจะดื้อซน โวยวาย งอแงขอกลับบ้าน เรียกร้องความสนใจต่าง ๆ ต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีงามของครอบครัวพร้อม ๆ กับปลูกฝังมารยาทอันดีงามให้ลูกตามแบบวัฒนธรรมไทย
พ่อแม่ควรระแวดระวังการใช้คอมพิวเตอร์ของลูก ให้ลูกใช้คอมพิวเตอร์ในที่ ๆ พ่อแม่สามารถมองเห็นเพื่อพ่อแม่จะได้คอยสอดส่องดูแลเพื่อป้องกันมิให้ลูกใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่ผิด
พ่อแม่ต้องปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้แก่ลูก ด้วยการสอนลูกให้ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน สอนลูกไม่ให้รังแกสัตว์ สอนลูกไม่ให้หยิบของเพื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต สอนลูกไม่ให้พูดโกหก เมื่อมีโอกาสควรพาลูกไปรู้จักวัด เข้าร่วมพิธีทางศาสนา ทำบุญตักบาตร เวียนเทียน ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนเองนับถือ
พ่อ แม่ควรส่งเสริมลูกด้านศิลปะและดนตรี จะทำให้ลูกรู้จักสุนทรียภาพของธรรมชาติ ได้แก่ แม่น้ำ ลำคลองภูเขา ป่าไม้ โบราณสถาน โบราณวัตถุ สอนลูกให้ฟังดนตรี เปิดดนตรีคลาสสิกให้ลูกฟังก่อนอนบ้างเพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความ เชื่อมโยงระหว่างเชลล์สมอง ทำให้ลูกฉลาด จิตใจดีงาม
พ่อ แม่ควรสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้แก่ลูก ให้ลูกกล้าเผชิญสถานการณ์บางอย่างด้วยความเป็นตัวของตัวเอง อย่าสร้างความกลัวให้ลูกด้วยการหลอกหรือขู่ให้ลูกกลัว เช่น ตุ๊กแก งู ผี แมงมุม ฯลฯ จงให้เหตุผลอธิบายสิ่งต่างๆ กับลูกตามความเป็นจริงเพื่อให้ลูกไม่กลัวอะไรง่าย ๆ โดยไร้สาเหตุ เพราะอารมณ์ความรู้สึกกลัว ความเกลียดชัง ความเบื่อหน่าย จะสกัดกั้นความเจริญเติบโตทางสมองของลูก
พ่อ แม่อย่ารักลูกมากจนยอมจำนนต่อลูกให้ลูกข่มขู่ต่าง ๆ นานา เช่น ไม่ทานข้าว ไม่ไปโรงเรียน ไม่ใส่เสื้อผ้า ไม่อาบน้ำ ไม่แปรงฟัน ร้องไห้งอแง ดิ้น ชัก ปาข้าวของ งอนไม่ยอมพูดยอมจา จงอย่ายอมให้ลูกข่มขู่ จงอย่าให้ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกถูกลูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำร้ายลูก จงใช้วิธีไม่เอาใจใส่ เพิกเฉย แล้วปรามลูกว่า พ่อแม่ไม่รักเด็กดื้อ เด็กเกเร ลูกกลัวว่าพ่อแม่ไม่รักจะไม่กล้าแสดงฤทธิ์แสดงเดชเพื่อเรียกร้องกับพ่อแม่ อีก
พ่อแม่จะต้องส่งเสริมความฉลาดให้ลูก ยกตัวอย่างเช่น
- ลูกต้องฝึกหัดทำงานบ้านตามสมควร
- ลูกต้องฝึกเล่นของเล่น เล่นกับพ่อแม่ เล่นกับเพื่อน
- ลูกต้องฝึกทักษะบางอย่าง เช่น ขี่จักรยาน เก็บของเล่น พับเสื้อผ้า ติดกระดุม ผูกเชือกรองเท้า ฯลฯ
- ลูกต้องฝึกอ่านหนังสือ
- ลูกควรดูโทรทัศน์ที่เหมาะสมกับวัยของลูก
- ลูกควรมีโอกาสเล่นกีฬา กิจกรรมนันทนาการ ตามความสนใจและเหมาะสมกับวัยของลูก
- ลูกควรมีโอกาสไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์ สวนสนุก ห้องสมุด สวนสาธารณะ ทะเล น้ำตก ป่าไม้ ภูเขา เพื่อเปิดหูเปิดตาให้กับลูกเห็นโลกกว้าง
- สอนลูกให้รู้จักรักธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เช่น ภูเขา ทะเล น้ำตก ต้นไม้ ภูเขา และสอนลูกให้รักษาสิ่งแวดล้อม ให้รู้จักทิ้งขยะให้เป็นที่
คุณพ่อแม่สามารถสร้างลูกให้เป็นอย่างไรได้ด้วยความรัก ต้องทุ่มเทด้วยกำลังกาย สองมือ กำลังสติปัญญา กำลังทรัพยากรที่มีทั้งหมด และที่สำคัญต้องเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง แน่นอนที่สุด ลูกคุณจะเป็นเด็กดีและฉลาดสุดสุด อย่างหาตัวจับได้ยากในสังคมไทยและสังคมโลก
30 ธันวาคม, 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น