31 ธันวาคม, 2552

แนวทางสำหรับท่านผู้ปกครอง นักกีฬาฟันดาบ

ส่งท้ายปีนี้ กับแนวทางสำหรับท่านผู้ปกครอง ที่กำลังจะนำลูกหลานมาเป็นนักกีฬาฟันดาบ หรือเป็นนักกีฬาฟันดาบแล้ว ผมได้เห็นข้อมูลนี้มาประมาณ แปดปีแล้วเห็นว่ามีประโยชน์พอสมควรจึงขอแนะนำให้ลองศึกษาทำความเข้าใจสำหรับการเตรียมการให้บุตรหลานของท่านมาเป็นนักกีฬาฟันดาบ ข้อมูลนี้( 1 )จัดทำขึ้นโดยสมาคมผู้ปกครองนักกีฬาฟันดาบของประเทศสหรัฐอเมริกา หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม ผมยินดีให้คำแนะนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้ปกครองในชมรมของเรามีแผนที่จะส่งลูกไปเรียนที่อเมริกาหลายท่านทีเดียว

ก่อนอื่นต้องเรียนให้ทราบก่อน ว่าโดยสภาพแวดล้อมทั่วไปของอเมริกามีความต่างกันมากกับของเรา ตั้งแต่ตัวองค์กรบริหารกีฬา กฏหมายที่เกี่ยวข้อง งบประมาณสนับสนุนกีฬา องค์กรที่เกี่ยวข้องอื่นๆเช่นสมาคมโคช ฯลฯ วัฒนะธรรมประเพณี สโมสรหรือชมรมฟันดาบในอเมริกาโดยทั่วไปบริหารจัดการในเชิงธุรกิจ โคชจากยุโรปหลายประเทศย้ายเข้าไปในอเมริกา จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมอเมริกาจึงมีนักกีฬาเก่งๆขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะโคชเก่งๆส่วนมากไปอยู่ที่นั่นกัน และโดยลักษณะนิสัยของคนที่นั่นส่วนมากมีความวิริยะอุตสาหะอย่างมาก มีความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคมสูง ไฝ่รู้และช่วยเหลือตนเองได้ดี จึงทำให้สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปเหมาะสำหรับการเป็นนักกีฬาที่ดีทุกประเภท

1) PARENT GUIDE TO FENCING For parents and fencers 2002
2) A PARENT'S GUIDE TO FENCING. 2007 EDITION. Fencing.Net.
3) PARENT. GUIDE TO. FENCING. For parents and Fencers.
4) Fencing For Parents
5) A PARENT’S GUIDE

หวังว่าคงได้แนวทางเบื้องต้น นำไปปรับใช้ตามความเหมาะสมนะครับ

ในท้ายปีนี้ ที่กำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะมา ขอให้ทุกท่าน จงมีความสุข มีพลังและกำลังใจ ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง

นาย กฤต สตารัตน์

30 ธันวาคม, 2552

เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กดีและฉลาดสุดสุด

เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กดีและฉลาดสุดสุด
โพสเมื่อ 2009-10-06 01:06:59 โดย anongchu

อาหารดีมีผลกับสมองของลูก เน้นให้ลูกรับประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่ เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ข้าว แป้ง มัน เผือก ควรทานผักและผลไม้ ดื่มนมและน้ำ ให้ลูกงดเว้นน้ำอัดลม ลูกอม และขนมถุง(อันตรายมากเพราะใส่ผงชูรส)

พ่อแม่ควรส่งเสริมลูกในการด้านเล่นกีฬา เกมส์ กิจกรรมนันทนาการ เช่น ฟุตบอล แบดมินตัน ว่ายน้ำ วิ่ง เทนนิส บาสเกตบอล หมากฮอส หมากรุก เป็น เพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกายแข็งแรง และรู้จักกฎกติกามารยาทของการกีฬา เป็นการบ่มเพาะนิสัยให้รู้แพ้รู้ชนะและมีน้ำใจเป็นนักกีฬา

คุณพ่อแม่คุณแม่ทั้งหลายโปรดทราบว่า การออกกำลังกายเป็นผลดีกับลูก ทำให้เส้นสมองเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่าย ทำให้ลูกฉลาดมาก จัด บรรยากาศภายในบ้านเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของลูก โดยการปิดภาพโปสเตอร์เรื่องดีมีประโยชน์ภาพประกอบสวยงาม แล้วพ่อแม่ชวนลูกอ่าน อ่านให้ลูกฟัง หรือให้ลูกอ่านให้ฟัง การอ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอน(ควรให้พ่อมีโอกาสอ่านด้วย) เพราะ การอ่านหนังสือเชื่อมโยงสายใยผูกพันระหว่างแม่ลูกอย่างลึกซึ้ง นิทานที่อ่านให้ฟังควรเป็นนิทานสอนใจ ควรเน้นเนื้อหาที่สนุกสนานตื่นเต้นน่าติดตามรับฟัง เมื่อแม่ อ่านจบลองถามคำถามให้ลูกตอบเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของลูกว่าสามารถฟังนิทาน รู้เรื่อง หรือให้ลูกลองเล่านิทานเรื่องนั้นให้แม่ฟังอีกครั้งหนึ่ง เพื่อดูพัฒนาการทางภาษาด้านการเล่าเรื่องของลูก ถ้าลูกสามารถอ่านหนังสือออกให้ลูกอ่านให้พ่อแม่ฟัง

พ่อแม่ควรให้ความรัก ความใกล้ชิดกับลูก ถึงแม้ว่าจะรักลูกปานดวงใจเพียงใด แต่อย่ารักมากเกินไป ความรักของพ่อแม่อาจทำร้ายลูกได้ ดังเช่น ตามใจลูกมากเกินไป ลูกเรียกร้องขออะไรก็ต้องได้ ทำให้ลูกติดนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง หรือซื้อของเล่น/เสื้อผ้ามากเกินไป เป็นการสอนลูกให้ฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งของที่ใช้สอย หรือให้เงินมาโรงเรียนมากเกินไป เป็นการสอนลูกให้ฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักคุณค่าของเงิน พ่อ แม่ต้องสร้างเงื่อนไขในการซื้อของเล่น ค่าขนม ซื้อหนังสือการ์ตูน ต้องอยู่ในระดับพอดีไม่ให้ลูกใช้อย่างฟุ่มเฟือยต้องมีเหตุผลในการจับจ่าย สิ่งของเหล่านี้ พ่อแม่ควรอธิบายให้ลูกฟังบ่อย ๆ ว่าพ่อแม่ทำงานหนักมากเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลูกและทุกคนในครอบครัว จงช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดการใช้น้ำ การใช้ไฟ การกินอาหารก็ให้กินให้มด อย่ากินทิ้งกินขว้าง

พ่อแม่ต้องสอนลูกให้รู้จักแบ่งปัน มีน้ำใจ ลูกต้องรู้จักแบ่งปันขนม ของเล่น ให้เพื่อนบ้าง

พ่อ แม่ควรสอนลูกให้รู้จักอดทน อดกลั้น รอคอยให้เป็น จงสอนลูกด้วยเหตุผลไม่ใช่ดุด่าว่ากล่าวแต่เป็นไปเพื่อฝึกให้เด็กสามารถระงับ หักห้ามใจตนเองไม่แสดงฤทธิ์แสดงเดช โวยวาย เรียกร้อง ก่อกวน มิฉะนั้นจะเป็นการบ่มเพาะนิสัยเอาแต่ใจตัวให้ลูกนิสัยนี้แก้ไขยากเมื่อโต ขึ้น

รู้จัก การให้ รู้จักหน้าที่ และมีความรับผิดชอบช่วยงานตามสมควร ลูกต้องรู้จักหาน้ำให้พ่อแม่ดื่ม ช่วยแม่ยกของเล็ก ๆ น้อย ช่วยแม่หยิบของนิด ๆ หน่อย ๆ ช่วยแม่ทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย เช่น รดน้ำต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ กวาดห้องนอนของตัวเอง เก็บเสื้อผ้าของตัวเองลงตะกร้า พับเสื้อผ้าของตนเอง เก็บของเล่น เหล่านี้เป็นต้น จงอย่ากลัวว่าลูกจะลำบาก นี่คือปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีให้ลูก เพื่อวางรากฐานการเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต

จง สอนลูกให้เป็นเด็กที่มีวินัย ยกตัวอย่างเช่น นอนเป็นเวลา ตื่นเป็นเวลา ดูโทรทัศน์เป็นเวลา(อย่าตามใจให้นอนมากเกินไป จะบ่มเพาะความเกียจคร้านให้ลูก) ฝึกนิสัยให้ลูกช่วยเหลือตนเองด้วยการหัดใส่เสื้อผ้าแต่งตัวเอง อาบน้ำ ขับถ่าย แปรงฟัน ดื่มน้ำ กินข้าว ให้สามารถช่วยตัวเองได้ แต่แม่ควรคอยดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งชมเชยที่ลูกสามารถทำอะไรได้ด้วยตนเอง

พ่อแม่ต้องสอนมารยาทให้ลูกรู้จักพูดคำสุภาพ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ ขอโทษครับ ตามจังหวะและโอกาสอันควร

พ่อแม่ควรสอนลูกให้อ่อนน้อม ฝึกลูกให้ไหว้พ่อแม่ก่อนไปโรงเรียน และเมื่อกลับจากโรงเรียนทุกวัน

พ่อ แม่ควรสอนลูกให้รู้จักการวางตัวและแสดงออกในสถานที่ต่าง ๆ เช่น บ้าน ร้านค้า งานสังคมต่าง ๆ ควรสร้างเงื่อนไขก่อนออกจากบ้านเพื่อให้ลูกวางตัวให้เหมาะสม มิฉะนั้นจะควบคุมพฤติกรรมลูกไม่ได้ ลูกจะดื้อซน โวยวาย งอแงขอกลับบ้าน เรียกร้องความสนใจต่าง ๆ ต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีงามของครอบครัวพร้อม ๆ กับปลูกฝังมารยาทอันดีงามให้ลูกตามแบบวัฒนธรรมไทย

พ่อแม่ควรระแวดระวังการใช้คอมพิวเตอร์ของลูก ให้ลูกใช้คอมพิวเตอร์ในที่ ๆ พ่อแม่สามารถมองเห็นเพื่อพ่อแม่จะได้คอยสอดส่องดูแลเพื่อป้องกันมิให้ลูกใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่ผิด

พ่อแม่ต้องปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้แก่ลูก ด้วยการสอนลูกให้ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน สอนลูกไม่ให้รังแกสัตว์ สอนลูกไม่ให้หยิบของเพื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต สอนลูกไม่ให้พูดโกหก เมื่อมีโอกาสควรพาลูกไปรู้จักวัด เข้าร่วมพิธีทางศาสนา ทำบุญตักบาตร เวียนเทียน ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนเองนับถือ

พ่อ แม่ควรส่งเสริมลูกด้านศิลปะและดนตรี จะทำให้ลูกรู้จักสุนทรียภาพของธรรมชาติ ได้แก่ แม่น้ำ ลำคลองภูเขา ป่าไม้ โบราณสถาน โบราณวัตถุ สอนลูกให้ฟังดนตรี เปิดดนตรีคลาสสิกให้ลูกฟังก่อนอนบ้างเพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความ เชื่อมโยงระหว่างเชลล์สมอง ทำให้ลูกฉลาด จิตใจดีงาม

พ่อ แม่ควรสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้แก่ลูก ให้ลูกกล้าเผชิญสถานการณ์บางอย่างด้วยความเป็นตัวของตัวเอง อย่าสร้างความกลัวให้ลูกด้วยการหลอกหรือขู่ให้ลูกกลัว เช่น ตุ๊กแก งู ผี แมงมุม ฯลฯ จงให้เหตุผลอธิบายสิ่งต่างๆ กับลูกตามความเป็นจริงเพื่อให้ลูกไม่กลัวอะไรง่าย ๆ โดยไร้สาเหตุ เพราะอารมณ์ความรู้สึกกลัว ความเกลียดชัง ความเบื่อหน่าย จะสกัดกั้นความเจริญเติบโตทางสมองของลูก

พ่อ แม่อย่ารักลูกมากจนยอมจำนนต่อลูกให้ลูกข่มขู่ต่าง ๆ นานา เช่น ไม่ทานข้าว ไม่ไปโรงเรียน ไม่ใส่เสื้อผ้า ไม่อาบน้ำ ไม่แปรงฟัน ร้องไห้งอแง ดิ้น ชัก ปาข้าวของ งอนไม่ยอมพูดยอมจา จงอย่ายอมให้ลูกข่มขู่ จงอย่าให้ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกถูกลูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำร้ายลูก จงใช้วิธีไม่เอาใจใส่ เพิกเฉย แล้วปรามลูกว่า พ่อแม่ไม่รักเด็กดื้อ เด็กเกเร ลูกกลัวว่าพ่อแม่ไม่รักจะไม่กล้าแสดงฤทธิ์แสดงเดชเพื่อเรียกร้องกับพ่อแม่ อีก

พ่อแม่จะต้องส่งเสริมความฉลาดให้ลูก ยกตัวอย่างเช่น

- ลูกต้องฝึกหัดทำงานบ้านตามสมควร

- ลูกต้องฝึกเล่นของเล่น เล่นกับพ่อแม่ เล่นกับเพื่อน

- ลูกต้องฝึกทักษะบางอย่าง เช่น ขี่จักรยาน เก็บของเล่น พับเสื้อผ้า ติดกระดุม ผูกเชือกรองเท้า ฯลฯ

- ลูกต้องฝึกอ่านหนังสือ

- ลูกควรดูโทรทัศน์ที่เหมาะสมกับวัยของลูก

- ลูกควรมีโอกาสเล่นกีฬา กิจกรรมนันทนาการ ตามความสนใจและเหมาะสมกับวัยของลูก

- ลูกควรมีโอกาสไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์ สวนสนุก ห้องสมุด สวนสาธารณะ ทะเล น้ำตก ป่าไม้ ภูเขา เพื่อเปิดหูเปิดตาให้กับลูกเห็นโลกกว้าง

- สอนลูกให้รู้จักรักธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เช่น ภูเขา ทะเล น้ำตก ต้นไม้ ภูเขา และสอนลูกให้รักษาสิ่งแวดล้อม ให้รู้จักทิ้งขยะให้เป็นที่

คุณพ่อแม่สามารถสร้างลูกให้เป็นอย่างไรได้ด้วยความรัก ต้องทุ่มเทด้วยกำลังกาย สองมือ กำลังสติปัญญา กำลังทรัพยากรที่มีทั้งหมด และที่สำคัญต้องเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง แน่นอนที่สุด ลูกคุณจะเป็นเด็กดีและฉลาดสุดสุด อย่างหาตัวจับได้ยากในสังคมไทยและสังคมโลก

อีกขั้นหนึ่งของการฝึกลูกให้เป็นนักกีฬา

อีกขั้นหนึ่งของการฝึกลูกให้เป็นนักกีฬา
จาก นิตยสารแม่และเด็ก M&C - อีกขั้นหนึ่งของการฝึกลูกให้เป็นนักกีฬา

พ่อแม่อเมริกันเมื่อรู้ลูกมีพรสวรรค์ทางกีฬา จะจ้างโค้ชส่วนตัวให้ทำหน้าที่พัฒนาฝีมือการเล่น เพราะการเล่นกีฬาเก่งในสังคมอเมริกัน เป็นประตูไปสู่การมีอาชีพที่มั่งคั่งและมากมายด้วยชื่อเสียง นอกนั้นแล้ว ยังจะประหยัดค่าเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เพราะทุกมหาวิทยาลัยในอเมริกาจะมีทุนการศึกษาสำหรับผู้มีพรสวรรค์ทางกีฬา
ทั้งนี้ ในสมัยที่ผ่านมา โค้ชที่จ้างส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เคยเล่นกีฬาที่ตัวเองสอน จนมีชื่อเสียงพอสมควร และพร้อม ๆ กับเรียนจบพลศึกษา ซึ่งสิ่งที่พวกนี้จะสอนคือ การออกกำลัง การฝึกการเล่น การกินอาหาร และการพักผ่อน โดยกำหนดเป็นตาราง แล้วให้ปฏิบัติตาม พร้อมกับมีการติดตามผลทุกระยะ
แต่พอมาถึงสมัยนี้ การสอนเช่นนี้ไม่เพียงพอเสียแล้ว เพราะเคล็ดต่างๆ ได้ถูกเปิดเผยหมด ไม่มีอะไรที่คนอื่นไม่รู้ เพียงเปิดนิตยสาร เปิดคอมพิวเตอร์หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต หรือไปซื้อหนังสือมาอ่าน พ่อแม่ที่อยากให้ลูกเล่นกีฬาเก่ง ก็สามารถเป็นโค้ชเองได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ การฝึกจึงต้องก้าวขึ้นไปอีกขั้น
นั่นคือ การส่งลูกไปฝึกตามโรงยิมที่เรียกว่า sports performance training center หรือศูนย์ฝึกสมรรถภาพทางกีฬา ที่กำลังเปิดกันราวกับดอกเห็ด ซึ่งที่ศูนย์นี้เด็กที่โชว์แววทางกีฬา จะได้รับการฝึกเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อและกำลังจิตใจ เพื่อจะได้เล่นกีฬาเก่งขึ้นอีก และมีโอกาสเป็นนักกีฬาดีเด่นมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ศูนย์ดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งขณะนี้ที่เด่นดังที่สุดมีด้วยกัน 3 ยี่ห้อ Velocity ซึ่งเปิดทั่วประเทศ มีนักกีฬาเด็กเข้าฝึกประจำ 47,000 คน Athletic Republic เปิดทั่วประเทศเช่นกัน มี 36,000 คน และ CATZ เปิดเพียง 4 รัฐ มี 6,500 คน จำนวนอาจดูน้อย แต่ถ้าเทียบกับของปีก่อนๆ เป็นจำนวนที่โตเร็ว อย่าง Velocity ซึ่งมีผู้เข้าฝึกปีแรกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เพียง 10,000 คน Athletic Republic มี 27,000 คน ตอนเปิดปีแรก 2 ปีที่แล้ว และ CATZ มี 1,500 คน ตอนเปิดปีแรกปีกลาย
โดยทุกคนจะเข้าไปด้วยความสมัครใจ เพราะส่วนใหญ่รู้เรื่องการฝึกดีอยู่แล้ว และเคยทราบมาก่อนแล้ว การฝึกเพื่อเพิ่มสมรรถภาพทำไมถึงดี ซึ่งแต่ก่อนการฝึกแบบนี้จะมีเฉพาะที่เป็นโรงยิมของมหาวิทยาลัย หรือสโมสรกีฬาของคนชั้นสูง เนื่องจากจะต้องใช้เนื้อที่มาก เพื่อจะได้พอสำหรับการวิ่งและการกระโดด และจะต้องใช้เครื่องมือทันสมัย ที่เป็นเครื่องมือออกแบบเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องวิ่งออกกำลังบนสายพาน ที่สามารถปรับความเร็วให้เร็วขึ้นหรือช้าลง คล้ายกับการวิ่งของนักกีฬาในสนาม เพื่อผู้ฝึกจะได้รู้จักกำหนดการวิ่ง ให้ตรงตามสถานการณ์การเล่น เช่น เวลาจะแย่งลูก เพราะอย่างที่ทราบ การแย่งลูกมีความสำคัญ ถ้าใครแย่งลูกเก่ง มักเป็นนักกีฬาเก่งไปด้วย
แต่โดยรวม ผู้ที่ไปฝึกจะไปเพราะความโอ่อ่าของศูนย์ ซึ่งเป็นโรงยิมที่ได้รับการออกแบบอย่างดี และมีสถานที่บริการครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องอาบน้ำ หรือห้องพักผ่อน ทำให้เวลาเข้าไป รู้สึกเหมือนโรงยิมส่วนตัว ต้องการอะไร มีทั้งนั้น
และยังมีประเด็นของโค้ชหรือครูฝึกที่นี่ ซึ่งจะต่างกับที่โรงเรียนหรือที่จ้างส่วนตัว ตรงที่ส่วนมากจะเป็นผู้ชำนาญด้านสรีรศาสตร์ออกกำลัง หรือ EXERCISE PHYSIOLOGIST คือพวกนี้จะเคยเป็นนักกีฬาเหมือนโค้ชทั่วไป รวมทั้งเคยเรียนพลศึกษา แต่หลังจากนั้นจะไปเรียนเพิ่มทางด้านสรีรศาสตร์ เพื่อจะได้ความรู้เกี่ยวกับการใช้กล้ามเนื้อและมันสมองในการเล่นกีฬา
นัยว่า ใครเรียนมาทางนี้ ตอนนี้กำลังเป็นที่ต้องการ เนื่องจากอย่างที่บอกแล้ว ตอนนี้การฝึกเพื่อเป็นนักกีฬาได้ก้าวถึงระดับฝึกเพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางกีฬา ค่าฝึกตกระหว่าง 30 - 40 เหรียญต่อครั้ง ซึ่งนอกจากจะได้ฝึกตามที่กำหนดเป็นตาราง ยังจะได้คำแนะนำและข้อสังเกตจากนักสรีรศาสตร์ออกกำลัง เพื่อนำไปปรับปรุงและปฏิบัติเพิ่มเติม เวลาฝึกที่บ้านหรือโรงเรียน ทั้งนี้การฝึกทั้งที่บ้านและโรงเรียนยังมีความสำคัญ เพราะการไปฝึกที่ศูนย์จะไปกันเพียงเดือนละ 2 - 4 ครั้ง มากน้อยขึ้นอยู่กับอายุและความจำเป็นในการเตรียมร่างกาย อย่างเช่น ถ้าเป็นเวลาใกล้ฤดูแข่งขัน ก็คงต้องไปบ่อย เพื่อร่างกายจะได้ทันการใช้งาน
ใครก็ได้สามารถไปฝึก ถ้ามีอายุ 8 ขวบขึ้นไป แต่ส่วนใหญ่จะมีอายุระหว่าง 12 - 15 ปี ซึ่งเป็นวัยที่เด็กมักตัดสินใจ แล้ว อยากเป็นนักกีฬาดัง และพ่อแม่มองเห็นพรสวรรค์ในตัวลูก รวมทั้งเป็นวัยที่ร่างกายกำลังโตวันโตคืน เหมาะกับการปรับให้ตรงตามความต้องการของกีฬาประเภทที่อยากเอาดี
แต่มีเรื่องแปลกใจนิดหน่อย ในศูนย์ยังมีเด็กที่ไม่อยากเป็นนักกีฬาไปฝึก พวกนี้สังเกตง่ายจากการมีร่างกายไม่สมส่วน เช่น อ้วนหรือผอมไป นอกจากนี้ยังมีท่าทางงกๆ เงิ่นๆ เวลาฝึก เนื่องจากไม่เคยออกกำลัง อย่าว่าแต่เล่นกีฬา ซึ่งสาเหตุที่ไปฝึกคือ พ่อแม่เองส่งไป เพราะอยากให้ลูกมีร่างกายเหมือนเพื่อน รวมทั้งอยากให้ลูกเล่นกีฬาบ้าง
แน่นอน เมื่อไปตอนแรกๆ เด็กพวกนี้ย่อมมีความลำบากในการปรับตัว เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำ ไหนจะต้องฝึก ไหนจะต้องรู้จักกินอาหาร ไหนจะต้องรู้จักพักผ่อน แต่ถ้าไปเป็นประจำและปฏิบัติตามตาราง ต่อไปเด็กจะกลายเป็นคนละคน จนพ่อแม่อดไม่ได้ที่จะภูมิใจ
การส่งลูกไปฝึกที่ศูนย์เพิ่มสมรรถภาพทางกีฬา เป็นการเลี้ยงลูกอีกวิธีที่น่าจะมีพ่อแม่ไม่น้อยสนใจ เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าประเทศไหน พ่อแม่มักอยากให้ลูกเรียนเก่ง เพื่อจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และจบออกมามีงานทำที่ดี โดยขณะเดียวกัน มีเหมือนกันพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเก่งทางดนตรีหรือการแสดง เพื่อจะได้โตเป็นนักร้องและนักแสดง ซึ่งเป็นอาชีพที่คนไม่น้อยใฝ่ฝัน
แต่ล่าสุด ยังมีพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเล่นกีฬาเก่ง เพื่อจะได้โตเป็นนักกีฬาอาชีพ ซึ่งพ่อแม่แบบในไทยกำลังทวีจำนวน

29 ธันวาคม, 2552

พรปีใหม่ 2553


25 ธันวาคม, 2552

Merry christmas

21 ธันวาคม, 2552

16th Thailand Open Fencing Championships 2009 , 2 เงิน 1 ทองแดง

ทีมเซเบอร์หญิง ฮ่องกง มารักษาแชมปฺ์ ในรายการนี้ ทั้งประเภทบุคคลและทีม โดย ทีมจากชมรมเราในนาม ม.กรุงเทพ ได้เหรียญเงินทั้งสองประเภทและเหรียญทองแดงบุคคล หลังจากห้าปีผ่านมาที่เราเคยได้ เหรียญทองแดงจากประเภททีมในนามกองทัพภาคที่ 4 วันนี้ทีมฮ่ิองกงที่มีความแข็งแกร่ง เป็นรองแค่ จีน และเกาหลี เท่านั้นก็ยังรักษาความสามารถไว้ได้ค่อนข้างดีเหมือนเดิม ภายใต้การควบคุมทีมโดยโคชชาวฮังกาเรียนจำนวน สามคนดูแลพัฒนาดาบเซเบอร์ของฮ่องกงตามแผนของสมาคมฮ่องกงฯ จากแนวคิดของจีนใหญ่ที่มุ่งมั่นจะทลายกำแพงความแข็งแกร่งของนักดาบยุโรป จึงได้มอบนักกีฬาในระดับทอปเทน มาให้ฮ่องกงเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ในทีมดาบเซเบอร์หญิงฮ่องกงที่มาร่วมแข่งในรายการนี้ มีตัวจีนที่ย้ายมาด้วยสองคน ตัวเก่าหนึ่งคน ตัวใหม่ที่พึ่งจะเลื่อนขึ้นมาจากเยาวชนยี่สิบปีอีกหนึ่งคน ผลงานเราครั้งนี้จัดว่าทอปฟอร์มที่สุดแล้ว จากความร่วมมือในการทำการฝึกซ้อมทั้งตัวนักกีฬาและท่านผู้ปกครอง ผมขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย ทีมเยาวชนเราที่ผมสร้างขึ้นมาด้วยความมุมานะ ด้วยความหวัง ด้วยความทุ่มเท ภายใต้ความจำกัดในทุกๆด้าน ได้เห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ตามแผนที่ชมรมเราวางไว้ เรียกว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ พี่พลอยเก็บตัวที่มาจากแผ่นดินดินใหญ่ได้หนึ่ง ไปเข้าชิงกับตัวจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนน้องแป้งจัดการตัวแชมป์เยาวชนที่พึ่งเลื่อนขึ้นมาได้สำเร็จ หลังจากเข้าโปรแกรมเก็บตัวฝึกซ้อมภายในชมรมของเราต่อเนื่องมาตลอดปี นักกีฬาที่เป็นเพียงลูกหลาน คนสอนเป็นแค่ตาแป๊ะ กับผู้ปกครองที่อยากให้ลูกมาเล่นกีฬา ความร่วมมือร่วมใจสามประสานนี้ ก่อให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ ที่ชมรมฟันดาบเล็กๆสามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้กับแผ่นดินนี้ได้ อย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดทำได้มาก่อน ในระดับเซ้าท์อีสอาเซียน นับแต่วันนี้ไปเราจะทำให้ดีกว่านี้ ด้วยประสพการณ์ และความพยายามในการลดข้อจำกัดลงให้มากที่สุด โดยไม่ประมาทคู่แข่ง

จีน เกาหลี ฮ่องกง และ ญี่ปุ่น สี่ประเทศนี้ มีการเตรียมการจัดการกับทีมดาบเซเบอร์หญิงของตนเองมาอย่างดี สมาคมฯสร้างนักกีฬาจากการคัดสรรคนเก่งจากนักกีฬาจำนวนมาก อีกทั้งการขอตัวนักกีฬาที่เก่งมากแต่ไม่ได้เข้าโอลิมปิกไปอยู่อีกประเทศหนึ่ง หาโคชที่ดีที่สุดในโลกมีผลงานระดับโลกมาทำทีม วางแผนการฝึกให้นักกีฬามีความพร้อมสำหรับการลงทำการแข่งขันในรายการระดับโลกตลอดเวลา นักกีฬามีตวามพร้อมตอบสนองโปรแกรมการฝึกของโคชได้โดยไม่มีข้อจำกัดทางการศึกษาหรือมีน้อยมาก ไปแข่งเมื่อไหร่เราก็จะเจอสี่ประเทศนี้ทุกครั้ง จีนตอนนี้ใช้โคชฝรั่งเศส เกาหลีใช้โคชภายใน ฮ่องกงใช้ทีมโคชสามคนจากฮังการี่ ญี่ปุ่นใช้โคชภายใน แถมจีนเล็กไต้หวันตอนนี้ใช้โคชรัสเซียระดับสุดยอดมาประมาณสองปีแล้ว ทำทีมหญิงยังไม่ขึ้นแต่ทีมชายดีวันดีคืน ยอมรับว่าทำทีมขึ้นมาเร็วมากๆ ทีมหญิงคงมาในเร็วๆนี้ จากสี่จะกลายเป็นห้า

ทั้งหมดทั้งปวง ผมยอมให้แค่ประเทศเดียวเท่านั้น แบบไม่เต็มใจยอมคือ จีน
กว่าจะได้มาซึ่งศักดิ์ศรีของความเป็นทีม ชาติที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนไม่ธรรมดาทั้งสิ้น ดั้งนั้นถ้าเราถอดใจเมื่อไหร่ช่วงห่างจะยิ่งมากขึ้นและมากขึ้น ทรัพยากรเท่าที่มีอยู่ทั้งหมดเท่าที่จะหามาได้ จากทุกฝ่ายระดมมาทำกัน

ชมรมมาตรฐานในฮังการี มีนักกีฬาอย่างน้อย 150 คน ชมรมเรา มีเด็กๆแค่ 15 คน หญิงห้าชายสิบ เหนื่อยจังเวลาคิดถึงคู่ต่อสู้ เมื่อชอบก็ต้องทำต่อไป ยาวๆเราคงได้นักกีฬาที่มีศักยภาพที่ดีมากขึ้นตามลำดับ เป้าหมายหลักคือ เป็นที่สองรองจากจีนเท่านั้นที่พอจะยอมทำใจรับได้ นอกนั้นรับไม่ได้ทั้งหมด จะทำให้ได้เราก็ต้องไม่ธรรมดาเหมือนกัน ถ้ามัวแต่รออย่าว่าแต่เป็นหนึ่งในเซ้าท์อีสอาเซียนเลย แค่ลาวก็น่าจะไม่ผ่านแล้ว ไม่เชื่อคอยดู สตาร์เฟนซิ่งสาขาลาวในอนาคต







20 ธันวาคม, 2552

คบเด็กสร้างบ้าน อย่าได้หวังคิดทำงานใหญ่

ดีชั่วไม่รู้จักแยกแยะ ถูกผิดไม่รู้จักใส่ใจ ไม่่รู้จักสำนึกในบุญคุณ ก้าวร่วงเรื่องราวส่วนตัวคนอื่น ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด เหตุอันใดควรอันใดไม่ควรอ้างไม่รู้เรื่อง เช่นนี้แล้วใครจะคบหาก็คบ กูไม่เอา ไอ้พวกเห็นแก่ตัวโง่ๆ เสียเวลา

กูอยู่บนแผ่นดินนี้ ไม่เอาเปรียบผู้ใด ทำดีมากกว่าเลว ใครไม่คบก็เรื่องของมึง ง่ายๆไม่ต้องมาเบียดเบียนกัน คนเป็นคนดีไม่ต้องสอนมันก็ดี คนไม่ดีสอนยังไงมันก็ดียาก ดีเป็นยังไง ถ้าไม่รู้จัก เค้ามักไม่เรียกว่าเป็นคนเค้าเรียกเหี้ย

คนดีไม่ดี ไม่เกี่ยวการการพูดเพราะหรือไม่เพราะ เกี่ยวที่ความดีที่มีในหัวใจอย่างเดียวเท่านั้นทำให้เลือกทำแต่สิ่งดี ถ้ามีชาติหน้าจริง กูก็พูดแบบนี้อีก หรอยดี

จำเอาไว้ ว่ากูไม่เคยล้อเล่นกับใคร อย่าเอาความพยายามในการทำความดีของกูเป็นเครื่องมือ ไปสร้างปัญหาที่อื่นอย่ามาใกล้กู น่ารังเกียจ ทำกับใครมาหลายคนได้ใจ ควายแกล้งฉลาด เหลิง เมื่อก่อนไม่เชื่อใครมาพูด ตอนนี้เจอเองกับตัว ขอบใจนะที่แสดงให้กูรู้ตัว

กูเอง ตาแป๊ะ รมดีเกือบทุกวันอะนะ บันทึกไว้เตือนใจ กันลืม กันใจออ่อน

07 ธันวาคม, 2552

การสื่อสาร

การเข้าใจผิด และการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนนั้นส่งผลให้เกิดการสูญเสียเวลา ทรัพยากร รวมทั้งความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจึงนับได้ว่าเป็นทางลัดสู่เป้าหมาย ด้วยเหตุนี้ การสื่อสารที่ถูกต้องนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในองค์กร

เทคนิคการสื่อสารของผู้บริหารภายในองค์กร
โดย...เมธี ปิยะคุณ
รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษาต่อเนื่อง
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
(เรียบเรียงเนื้อหาจากบทวิทยุกระจายเสียง ปี 2550)

ความหมายและความสำคัญของการสื่อสาร
การสื่อสารเป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติของมนุษย์ในฐานะที่เป็นสัตว์สังคม การเรียนรู้การทำความเข้าใจในเรื่องของการ
สื่อสารจึงเป็นการศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์ซึ่งมีพฤติกรรมการสื่อสารที่ซับซ้อนมากกว่าสัตว์มากมาย แต่สำหรับคนเราในชีวิตประจำวัน
มักจะมีการติดต่อสื่อสารกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าสื่อสารกับผู้อื่นหรือสื่อสารกับตนเอง ในลักษณะของการสื่อสารตนเอง เช่น ครุ่นคิดอยู่
กับตัวเองก็ถือว่าเป็นการสื่อสาร เมื่อใดที่ประสบปัญหาในการสื่อสารจึงจะสะดุดในว่ามีอุปสรรคอะไรที่ทำให้การ สื่อสารนั้นผิดพลาด
หรือล้มเหลวและเมื่อนึกถึงการสื่อสารที่ราบรื่นมาก่อนหน้าก็บอกไม่ได้เหมือน กันว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ช่วยให้การสื่อสารสัมฤทธิ์ผล
อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้นคำว่าการสื่อสารซึ่งตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Communication เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษา
ลาตินว่า คอมมิวนิสต์ก ซึ่งแปลตรง ๆ เป็นการร่วมกันในเรื่องของข่าวสาร ในเรื่องของข่าวสาร ในเรื่องของความรู้สึกนึกคิด การ
กระทำหรือความคิดเห็น ฉะนั้นการสื่อสารจึงมีความหมายถึง สิ่งที่ทำให้มนุษย์เข้าใจกันระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคล จะมีผู้ส่งสารรับสารติดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นทางวาจาหรือการกระทำ การแสดงออกหรือการแฝงความรู้สึกอยู่ข้างใน แล้วก็การใช้ท่าทางภาษา
คำพูดต่าง ๆ บางคนอาจจะแสดงออกทางผลงานของตนเองให้ผู้อื่น เช่น งานศิลปะต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดออกมาจากเป็นภาพที่ได้ไปจัด
นิทรรศการแล้วได้ไปเห็นชื่นชมผลงานของเขาก็เป็นวิธีการสื่อสารลักษณะหนึ่ง ฉะนั้นเมื่อรู้ความหมายของการสื่อสารแล้วสิ่งที่จะ
ตามมาคือองค์ประกอบของการสื่อสาร ประกอบไปด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ๆ คือ องค์ประกอบแรกสิ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ผู้ส่ง
ข่าวสาร ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Sender องค์ประกอบที่ 2 เมื่อจะส่งสารไปก็ต้องมีข้อมูลที่ส่งออกไปเรียก Masses ส่วนองค์
ประกอบที่ 3 คือช่องทางการสื่อสารเขาใช้คำว่า channel แล้วเมื่อส่งมาเสร็จก็ต้องมีผู้รับสาร ใช้คำว่า Receiver และสุดท้ายคือ
เมื่อมีการส่งสารก็จะต้องมีการตอบสนองจากผู้รับสารกลับมายังผู้ส่งสาร คือความหมายของการสื่อสารก็ต้องมีองค์ประกอบของ
การสื่อสารที่ได้กล่าวมา

กระบวนการสื่อสาร

กระบวนการสื่อสารพูดให้เกิดความเข้าใจเมื่อรู้ว่าในลักษณะการสื่อสารจะต้องมีผู้ส่งผู้รับ แล้วก็มีช่องทางการที่จะนำข้อมูล
ตรงนี้ไปถึงผู้รับ ผู้รับก็จะมีการสนองตอบ ฉะนั้นก็จะต้องเป็น โดยทั่วไปจะเริ่มต้นจากผู้ส่งข่าวสาร ทำหน้าที่เป็นคนเก็บรวบรวมแนว
ความคิดหรือข้อมูลต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูล เมื่อต้องการส่งข่าวไปยังผู้รับข่าวสารก็จะแปลแนวความคิดหรือข้อมูลนั้น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ออกมาเป็นตัวอักษร เป็นน้ำเสียง เป็นสี เป็นการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องถือว่าเป็นการสื่อสาร ซึ่งเราเรียกสิ่งนี้ว่า
ข่าวสารจะได้รับการใส่รหัสก็ส่งไปยังผู้รับข่าวสาร โดยจะมีสื่อเขาเรียกว่าผ่านสื่อกลางในช่องทางของการสื่อสารนั้น ๆ แต่ละประเภท
สุดแท้แต่แล้วก็อาจส่งจากผู้ส่งข่าวสารไปยังผู้รับข่าวสารโดยตรงก็ได้ เช่น การคุยกัน ระหว่างคน 2 คน ถือว่าเป็นการสื่อสารกันโดย
ตรง โดยวิธีการนั้น หรือผู้รับข่าวสารเมื่อได้รับข่าวแล้วก็จะถอกรหัสแล้วตามความเข้าใจและประสบการณ์ในอดีต หรือสภาพแวดล้อม
ในขณะนั้น ๆ ก็คือผู้รับจะต้องแปลตรงนั้นออกมาว่า จากสิ่งที่เรารับรู้เกิดความเข้าใจยังไงแล้วเราก็นำประสบการณ์หรือสภาพต่าง ๆ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแปลข้อมูลที่เขาส่งมา และมีปฏิกริยาตอบสนองไปยังผู้ส่งข่าวสารซึ่งผู้ในรูปของความรู้ความเข้าใจ การ
ตอบรับหรือจะมีการปฏิเสธสุดแล้วแต่ หรือการนิ่งเงียบก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ข่าวสารที่ส่งถูกส่งออกไปผู้ส่งอาจจะไม่ถึงผู้รับข่าวสารทั้ง
หมดก็เป็นได้ หรือข่าวสารอาจจะถูกบิดเบือนไปก็เพราะในขบวนการต่าง ๆ ของการสื่อสารซึ่งย่อมมีโอกาสเกิดขึ้น อาจจะเกิดจาก
สิ่งรบกวน หรือตัวแทรกแซงต่าง ๆ ทุกขั้นตอนของการสื่อสาร นั่นคือขบวนการพูดให้เห็นภาพให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น

วิธีการสื่อสารที่ดี
การสื่อสารที่ดีผมสรุปไว้ให้ 7 ซี
ซีตัวที่ 1 credibility คือความน่าเชื่อถือ หมายถึงสารที่สามารถทำให้ผู้รับสารเกิดความเชื่อถือในสารนั้น ๆ
ตัวที่ 2 คือ content สาระ ว่าสารนั้นมีสาระให้เกิดความพึงพอใจ เร่งเร้าและชี้แนะให้เกิดการตัดสินใจได้ในลักษณะอย่างไรบ้าง
ตัวที่ 3 คือ clearly ความชัดเจน หมายถึงการเลือกใช้คำหรือข้อความที่เข้าใจง่าย ๆ ข้อความไม่คลุมเครือนั่นเอง
ตัวที่ 4 คือ context ความเหมาะสมกับโอกาส หมายถึง การเลือกใช้ภาษาและใช้สิ่งที่ส่งสารตลอดจนผู้รับเหมาะสมกับสังคม
วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมนั้นๆ เพียงใด
ตัวที่ 5 คือ channel ช่องทางการส่งสาร หมายถึง การเลือกวิธีการส่งข่าวสารได้เหมาะสมและรวดเร็วที่สุดในลักษณะไหน
ตัวที่ 6 คือ continuity consistency ความต่อเนื่องและแน่นอน การสื่อสารกระทำอย่างต่อเนื่องมีความแน่นอนถูกต้อง
ตัวที่ 7 clarity of audience ความสามารถของผู้รับสารนั่นเอง หมายถึงการเลือกใช้วิธีการส่งสารซึ่งมั่นใจว่าผู้รับสารจะสามารถ
รับสารได้ง่ายและสะดวกโดยคำนึงถึงความรู้ เจตคติ อุปนิสัย ทักษะการใช้ภาษา สังคมวัฒนธรรมของผู้รับสารเป็นสำคัญ
นั่นคือ 7 ซี สำหรับการสื่อสารที่ดี
เทคนิคการสื่อสารของผู้บริหารภายในองค์กร
แนวความคิดของการก่อให้เกิดบรรยากาศของการสื่อสารที่ดีรวมทั้งให้มีบรรยากาศที่จูงใจให้คนอยากทำงาน เป็นสิ่งที่ต้อง
ให้ความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดในการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมนานัปการ ตั้งแต่เรื่องที่มีความสำคัญในการจัดการกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่
ไม่อาจจะมองข้ามความสำคัญไปได้ ฉะนั้นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในการทำงานต้องเป็นนักสื่อสารที่ดี และเป็นผู้ที่มีความ
สนใจเกี่ยวกับเรื่องของคน เพราะการจัดการทุกอย่างจะต้องให้ความสนใจไปที่คน แต่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจว่าผู้บริหารหลายคน
มองข้ามไปในการที่จะใช้วิธีการที่มุ่งถึงคนเป็นหลัก และเขาก็จะเป็นผู้บริหารที่จะต้องเผชิญกับปัญหาในการสื่อสารอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความล้มเหลวในงานโดยตรง แล้วก็สาเหตุนั้นก็เกิดความไม่ใส่ใจในสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็จะมองข้ามก็จะเป็นปัญหาขององค์กร
ฉะนั้นผู้บริหารทุกคนทุกระดับต้องทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานให้ข่าวสาระหว่างแต่ละฝ่าย แล้วก็เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่จะสื่อสารกับ
บุคลากรอย่างได้ผล นอกจากนี้ผู้บริหารจะต้องเป็นแหล่งข่าวสารที่บุคลากรจะได้รับคำสั่งไป ปฏิบัติเพื่อรับข่าวสารแล้วก็ไปดำเนินการ
ให้ถูกต้อง สุดท้ายผู้บริหารจะต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าบุคลากรทุกคนต้องมีความสนใจต่อกิจกรรมต่าง ๆ พยายามที่จะถ่ายทอดข่าว
สารเกี่ยวกับหน่วยงานให้บุคลากรทุกคนได้รับรู้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และก็รวดเร็ว

คคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค

การสื่อสารที่ดี
for everyone

ลักษณะของการสื่อสารที่ดี

การส่งสารโดยการพูดหรือการเขียน ที่จะทำให้เกิดประสิทธิผลต่อการดำเนินธุรกิจ ควรมีลักษณะสำคัญ ดังนี้
1. ความน่าเชื่อถือ (Credibility) หมายถึง สารที่สามารถทำให้ผู้รับสารเกิดความเชื่อถือในสารนั้น
2. มีสาระ (Content) หมายถึง สารนั้นมีสาระ ให้ความพึงพอใจ เร่งเร้า และชี้แนะให้เกิดการตัดสินใจ
3. ชัดเจน (Clearity) หมายถึง การเลือกใช้คำ หรือข้อความที่เข้าใจง่าย ข้อความไม่คลุมเครือ
4. เหมาะสมกับโอกาส (Context) หมายถึง การเลือกใช้ภาษาและวิธีส่งสาร ตลอดจนผู้รับได้เหมาะสมกับสังคม
วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
5. ช่องทางการส่งสาร (Channels) หมายถึง การเลือกวิธีการส่งข่าวสารได้เหมาะสมและรวดเร็วที่สุด
6. ความต่อเนื่องและแน่นอน (Continuity and Consistency) หมายถึง การสื่สารที่กระทำอย่างต่อเนื่อง มีความ
แน่นอนถูกต้อง
7. ความสามารถของผู้รับสาร (Capability of Audience) หมายถึง การเลือกใช้วิธีการส่งสารซึ่งมั่นใจว่าผู้รับสาร
จะสามารถรับสารได้ง่ายและสะดวก โดยคำนึงถึงความรู้ เจตคติ อุปนิสัย ทักษะการใช้ภาษา สังคมและ
วัฒนธรรมของผู้รับสารเป็นสำคัญ

การใช้ภาษาสื่อสารธุรกิจ เช่น การประชาสัมพันธ์ การเขียนข้อความโฆษณา มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสมัย
หรือสภาพความเป็นจริงในสังคม วัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลที่สามารถกำหนดพฤติกรรม
ทัศนคติ และความเชื่อของประชาชน ซึ่งส่งผลให้ภาษาเปลี่ยนแปลงมาจากสภาพสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
การใช้ภาษาจึงมีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะการใช้ภาษาสื่อสารทางธุรกิจ เช่นการโฆษณาผ่านสื่อมวลชนประเภทต่าง ๆ
ซึ่งเป็นการเผยแพร่ได้รวดเร็ว มีผู้รับสารจำนวนมาก และถึงตัวผู้รับ ผู้ส่งสารควรคำนึงถึงผลประโยชน์ต่อสังคม และ
ประเทศชาติ มิใช่มุ่งหวังผลกำไรจากการประกอบธุรกิจเพียงอย่างเดียว


ข้อควรคำนึงเกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร
1. ใช้คำที่กะทัดรัด เข้าใจง่าย สื่อความหมายได้ชัดเจน
2. ใช้คำสุภาพ เหมาะสมแก้โอกาส ไม่ใช้คำหรือข้อความที่ตีความหมายได้หลายทาง
3. ใข้ข้อความหรือประโยคที่ไพเราะ ไม่ใช้สำนวนหรือรูปประโยคของภาษาต่างประเทศ
4. ใช้ภาษาที่สร้างสรรค์สังคมและรักษาวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของชาติไทย

22 พฤศจิกายน, 2552

THAI-GERMAN FENCING CHAMPIONSHIP ครั้งที่ 4

21-22 พ.ย. 2552
ณ ชั้น 7 อาคาร 40 ปี
สจพ. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
1518 ถ.พิบูลสงคราม เขตบางซื่อ กรุงเทพ ฯ 10800

ผลงานเด็กๆ ชมรมเราที่ร่วมแช่งขัน

เหรียญทอง เซเบอร์บุคคลหญิง กำลังเรียน ม. 6
เหรียญเงิน เซเบอร์บุคคลชาย กำลังเรียน ม. 5

Our Results
Women's Sabre Individual Gold Medal ( Champion )
Men's Sabre Individual Silver Medal

ชมรมฟันดาบสากล สตาร์เฟนซิ่ง เปิดรับสมัครนักกีฬาเยาวชนชุดใหม่ จำนวนจำกัด มาทดแทนนักกีฬาปัจจุบันซึ่งกำลังจะย้ายไปศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย และต้องย้ายสังกัดไปเล่นให้กับมหาวิทยาลัยฯตามที่ตนเองได้รับทุนการศึกษา
ผู้ปกครอง หรือท่านที่มีบุตรหลาน ที่มีความพร้อมสำหรับการเล่นกีฬา เราพร้อมที่จะฝึกให้ลูกหลานท่านเป็นนักกีฬาฟันดาบสากล ถ้าท่านมีเพชรอยู่ในมือ เราจะเจียรนัยให้ ได้เหลี่ยมทรงสวยงามที่สุด เรารับประกันผลงาน

ผลงานเด็กระดับเยาวชนทั้งฃายและหญิง ดาบเซเบอร์ ดีที่สุดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ติดต่อกันมา 6 ปี เป็นเครื่องพิสูจน์ เราต้องการผู้ร่วมงานที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่น จำนวนจำกัด มาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์กับเรา

ชมรมฟันดาบฯ มหาวิทยาลัยใด ต้องการปรับความสามารถนักกีฬา สำหรับการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัย ยินดีให้คำปรึกษา และยินดีต้อนรับให้มาร่วมฝึกซ้อมกับ นักกีฬาของเรา

ที่ติดต่อ
จิตกษม เหลืองไพโรจน์ โทร 08 944 061 64
กฤต สตารัตน์ โทร 08 400 266 40 อีเมล์ grid444@gmail.com

21 พฤศจิกายน, 2552

ขอสงวนสิทธิ์ ที่จะกำหนดมาตรการลงโทษทั้งชมรมต้นสังกัดของนักกีฬาและตัวนักกีฬาเอง

ขอสงวนสิทธิ์ ที่จะกำหนดมาตรการลงโทษทั้งชมรมต้นสังกัดของนักกีฬาและตัวนักกีฬาเอง

ขอความกรุณาเปลี่ยนข้อความนี้ใหม่ ได้แล้วครับ นักกีฬาที่ลงชื่อแล้วไม่มาร่วมแข่งขัน อาจมีเหตุจำเป็นก็เป็นได้ มันมีความผิดที่ต้องลงโทษกันเลยหรือครับ เปลี่ยนเป็นระเบียบข้อกำหนดอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การลงโทษ ท่านมีอำนาจอะไรนักหนามาใช้คำๆนี้ เคยบอกไว้แล้วมาทำงานบริการสังคมด้านกีฬา ไม่ใช่มาควบคุม อย่านะครับผม ผมกลัว คนมาเล่นกีฬาฟันดาบอาจมีความผิดที่จะต้องถูกลงโทษ แถมชมรมฟันดาบฯต้นสังกัดอาจจะต้องได้รับโทษด้วย แล้วอีกหน่อยใครอยากจะมาเล่นฟันดาบเสียแต่เงินมาแข่งก็จ่ายเงิน แถมอาจจะยังมีความผิดที่จะต้องถูกลงโทษกันอีก การเก็บเงินเพิ่มเติมใดๆถูกต้องตาม กม.หรือไม่ พิจารณากันถี่ถ้วนแล้วใช่หรือไม่ ใครครับที่กำหนดแบบนี้ ผู้ใดกัน ขอคุยกันเป็นการส่วนตัวหน่อยได้ไหมครับท่านครับ จะได้กระจ่าง, FIE เคยลงโทษสมาคมฯแบบนี้หรือไม่ เมื่อไหร่

ที่ผ่านมาผมได้เห็นบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางบวกแล้ว ทำดีต่อไปเถิด นักกีฬามีน้อยมากๆ ทำอะไรนึกถึงสิ่งที่พวกเขาลงทุนลงแรงมาบ้าง คนมาเล่นฟันดาบทุกคนผมถือว่าเป็นเทวดาสำหรับผม นักกีฬาหลายท่านเรียนหนังสืออีกบางท่านทำงาน การจัดการแข่งขันจัดในวันทำงานเวลาราชการ จัดกันติดต่อกันเกือบทุกสัปดาห์ สุกเอาเผากิน เปลี่ยน เลื่อน เลิก ดังนั้นอย่าไปลงโทษเขาเหล่านั้นเลย ทำชมรมฯก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ให้พิจารณาลงโทษตัวเองบ้างดีกว่ามั้ยครับ ปัญหามีก็ค่อยๆแก้กันไป อย่ามักง่ายมาใช้มาตรการลงโทษมาเป็นทางออก ระวัง ระวัง

จะแก้ไม่แก้เรื่องของท่าน ผมในนามสมาชิกฯได้แสดงความเห็นไว้ตรงนี้ที่นี่ ใครที่ร่างข้อความขอความกรุณาใช้ภาษาที่แสดงออกถึงความดีงามของสมาคมฯ สำหรับผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งยวด กับข้อความดังกล่าวข้างต้น

กม.ที่จะใช้บังคับยังต้องแจ้ง ที่มาที่ไปเหตุผลกับโทษ ไม่ใช่รอให้ผิดตามที่ตนกำหนดแล้ว มากำหนดโทษกันย้อนหลัง
การบังคับกันไม่ควรมีอีกแล้วในสังคมนี้ ผู้ที่มาเล่นกีฬาสมัครเล่นสมควรได้รับการย่กย่องเป็นตัวอย่างที่ดี

นาย กฤต สตารัตน์

16 พฤศจิกายน, 2552

ประกาศ รับสมัคร เยาวชน อายุ 10 - 13 ปี

ชมรมฟันดาบสากล สตาร์เฟนซิ่ง เปิดรับสมัครนักกีฬาเยาวชนชุดใหม่ จำนวนจำกัด มาทดแทนนักกีฬาปัจจุบันซึ่งกำลังจะย้ายไปศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย และต้องย้ายสังกัดไปเล่นให้กับมหาวิทยาลัยฯตามที่ตนเองได้รับทุนการศึกษา
ผู้ปกครอง หรือท่านที่มีบุตรหลาน ที่มีความพร้อมสำหรับการเล่นกีฬา เราพร้อมที่จะฝึกให้ลูกหลานท่านเป็นนักกีฬาฟันดาบสากล ถ้าท่านมีเพชรอยู่ในมือ เราจะเจียรนัยให้ ได้เหลี่ยมทรงสวยงามที่สุด เรารับประกันผลงาน

หลักการในการรับ คุยกันรู้เรื่อง เข้าใจกีฬา มีจิตใจดีงาม แบ่งเวลามาฝึกซ้อมกีฬาได้
อายุ ระหว่าง 10 - 13 ปี ทั้งชายและหญิง มาทดสอบ ความสามารถทางกีฬา , ความกล้าหาญ และ ไหวพริบ

ขออภัยที่ต้องรับจำนวนจำกัด และบางคนเราไม่สามารถรับสอนให้ได้ เราสอนด้วยความตั้งใจ ดังนั้นถ้าท่านไม่มีเพชรในมือ ไม่ต้องติดต่อมา เรารับเจียรนัยเฉพาะเพชรอย่างเดียวเท่านั้น ต้องขอโทษที่ต้องแจ้งกันตรงๆ อย่าเสียเวลามาทดลองเรียน ถ้าอยากทดลองให้มาช่วงปิดเทอมเรายินดีต้อนรับให้ทดลอง หากไม่รับหลักการใดหลักการหนึ่งง่ายๆที่กำหนด เช่น คุยกันคนละทาง ไม่รู้จักกีฬาเลยเอาแต่ชนะอย่างเดียว เห็นแก่ตัวจิตใจต่ำเห็นแก่ได้ถ่ายเดียว ไม่รู้จักที่ควรใม่ควร ฉลาดแต่ไม่เฉลียว โง่แต่อวดฉลาด โลกแคบ เวลาน้อยเรียนหนังสือไม่เก่ง เป็นต้น แนะนำให้หัดไปทำบุญทำทานเยอะๆนะ จะได้มีจิตใจดีอย่าเล่นอะไรเลยดีกว่า มันบาปเปล่าๆ
ที่สำคัญปรับตัวมาหาคนสอนได้ จะได้ไม่มีปัญหาในอนาคต แน่ใจแล้วเชิญ ชะตาฟ้าลิขิต แล้วเรามาทำงานร่วมกัน

ประเทศนี้แค่คิดอยากจะมาเล่นดาบก็ได้บุญแล้ว แต่ที่ลงมาเล่นจริงได้บุญมากๆ ไหนต้องมาฝึก ต้องซื้ออุปกรณ์ราคาสูงกว่ากีฬาชนิดอื่นๆ เล่นแล้วก็ไม่ได้ตัง ไหนจะต้องเดินทางมาฝึกมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไหนจะต้องแบ่งเวลาให้ได้ หากเล่นเก่งแล้วจะมีอนาคตแค่ไหนยังตอบไม่ได้ เราก็ทำกีฬาตามกำลังที่เรามี แบบพอเพียง จะมากหรือน้อยเราก็ทำเพื่อช่วยกัน ให้กีฬาฟันดาบฯในประเทศนี้ยังคงอยู่และอยู่อย่างไม่น้อยหน้าชาติใดๆ

บางท่านสงสัยทำไม่ได้ตังทำทำไม คำตอบ คือ เพราะความชอบทำ

ชมรมเราเล็กที่สุด และแข็งแกร่งที่สุด ในเซ้าท์อีสอาเซียน ( ดาบเซเบอร์)
นาย กฤต สตารัตน์
ผู้ฝึกสอน Star Fencing Club

ที่ติดต่อ
จิตกษม เหลืองไพโรจน์ โทร 08 944 061 64
กฤต สตารัตน์ โทร 08 400 266 40 อีเมล์ grid444@gmail.com

11 พฤศจิกายน, 2552

Star Fencing Club คว้าแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2552

ประเภทเซเบอร์ทีมหญิง แชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2552 ได้แก่ ทีม Star Fencing Club

ทีม Star Fencing Club เอาชนะ ทีม ม.กรุงเทพ มาด้วย แต้ม 45: 39 ในรายการแข่งขันฟันดาบชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2552 ไอส์แลนด์ฮอลล์ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ 10 พ.ย. 2552



09 พฤศจิกายน, 2552

น.ส.ศิรวลัย สตารัตน์ คว้าแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2552 เป็นสมัยที่ 6 ติดต่อกัน

ประเภทเซเบอร์บุคคลหญิง แชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2552 ได้แก่น.ส.ศิรวลัย สตารัตน์

คู่ชิงชนะเลิศ/R3 น.ส.ศิรวลัย สตารัตน์ ทีม Star Fencing 15 : 2 น.ส.จิตราณุช สิริพรสหมณกุล ทีม ม.กรุงเทพ
คู่รองชนะเลิศคู่ที่ 1 น.ส.ศิรวลัย สตารัตน์ ทีม Star Fencing 15: 10 น.ส.อุไรพร แดนกมล ทีม มศว.
คู่รองชนะเลิศคู่ที่ 2 น.ส.จิตราณุช สิริพรสหมณกุล ทีม ม.กรุงเทพ 15:13 น.ส.เปรมกมล เบ็ญจวรรณ ทีม ม.ธรรมศาสตร์

05 พฤศจิกายน, 2552

AFAT Cadet & Junior Fencing Championships 2009

Result of our fencers

Saber---Women---Cadet 2nd Place & 3rd Place
Saber---Men---Cadet 1st Place & 3rd Place ( Champion )

Saber---Men---Junior 1st Place & 3rd Place ( Champion )
Saber---Women---Junior 1st Place & 3rd Place ( Champion )



บทเพลงปลอบประโลมใจเหล่าบรรดาเพื่อนยากนกเอี้ยงแห่งท้องทุ่ง

26 ตุลาคม, 2552

+ + จำพรากเพื่ออยู่ร่วม + +

离别是为了相聚,只要能相聚,无论多痛苦的离别都可以忍受。
จำพรากเพื่ออยู่ร่วมต่อไป ขอเพียงสามารถอยู่ร่วม ไม่ว่าเป็นการจำพรากที่ปวดร้าวปานใด ล้วนทนทานได้

“我知道是钩是种武器,在十八般兵器中名列第七,离别钩呢?”
“离别钩也是种武器,也是钩。”
“既然是钩,为什么要叫做离别?”
“因为这柄钩,无论钩住什么都会造成离别。如果它钩住你的手,
人的手就要和腕离别;如果它钩住你的脚,你的脚就要和腿离别。”
“如果它钩住我的咽喉,我就和这个世界离别了?”
“是的,”
“你为什么要用如此残酷的武器?”
“因为我不愿被人强迫与我所爱的人离别。”
“我明白你的意思了。”
“你真的明白?”
“你用离别钩,只不过为了要相聚。”
“是的。”

"เราทราบว่าตะขอเป็นอาวุธชนิดหนึ่งในทำเนียบสิบแปดศาสตราวุธ จัดอยู่ในอันดับเจ็ด ตะขอจำพรากเล่า?"
"ตะขอจำพรากก็เป็นอาวุธชนิดหนึ่ง ก็เป็นตะขอ"
"เมื่อเป็นตะขอ ไฉนเรียกจำพราก?"
"เนื่องเพราะตะขอด้ามนี้ ไม่ว่าเกี่ยวถูกอันใดล้วนก่อเกิดการจำพราก หากแม้นมันเกี่ยวมือของท่าน มือของท่านก็จำพรากจากข้อมือ หากแม้นมันเกี่ยวเท้าท่านไว้ เท้าของท่านก็จำพรากจากหัวเข่า"
"หากแม้นมันเกี่ยวคอหอยเรา ตัวเราก็จำพรากจากโลกนี้?"
"ใช่แล้ว"
"ท่านไฉนคิดใช้อาวุธโหดเหี้ยมอำมหิตปานนี้?"
"เนื่องเพราะเราไม่ต้องการจำพราก ไม่ต้องการถูกผู้คนบีบบังคับเราจำพรากจากคนที่เรารัก"
"เราเข้าใจเจตนาของท่านแล้ว"
"ท่านเข้าใจจริงๆ แล้ว?"
"ท่านใช้ตะขอจำพราก เพียงเพื่ออยู่ร่วมต่อไป"
"ใช่แล้ว"



离别钩 (หลี่เปี๋ยโกว) - ตะขอจำพราก
โก้วเล้ง เขียน/ น.นพรัตน์ แปล

20 ตุลาคม, 2552

CU Open the 18th 2009 จุฬาโอเพ่น 1ทอง 1 เงิน

ผลงาน Club result
เซเบอร์หญิง เหรียญเงิน Silver medal senior women sabre
เซเบอร์ชาย เหรียญทอง Gold medal senior men sabre


12 ตุลาคม, 2552

Allstar Cup 2009 .Bangkok Thailand

Result of our fencers
9th October 2009
Saber---Women---Cadet 1st Place ( Champion )

10th October 2009
Saber---Men---Cadet 2st Place & 3rd Place

11th October 2009
Saber---Men---Junior 1st Place & 2nd Place ( Champion )
Saber---Women---Junior 1st Place ( Champion )



ผลงานนักกีฬาฟันดาบ ชมรมเรา ในการแข่งขันรายการ Allstar Cup 2009 .Bangkok Thailand 9 - 11 ตค. 2552

เซเบอร์ หญิง
เยาวชน ไม่เกิน 17 ปี เป็น แชมป์
เยาวชน ไม่เกิน 20 ปี เป็น แชมป์

เซเบอร์ชาย
เยาวชน ไม่เกิน 17 ปี เป็น รองแชมป์อันดับหนึ่ง และ อันดับสอง
เยาวชน ไม่เกิน 20 ปี เป็น แชมป์ และ รองแชมป์อันดับหนึ่ง เข้าชิงกันเอง

ก่อนแข่งรายการนี้ เด็กๆติดสอบกัน ไม่ค่อยได้ซ้อมกันจริงจังเท่าไหร่ ฝนก็ตกหนักแทบทุกวัน การเดินทางมาฝึกซ้อมลำบากมากขึ้น วางแผนการซ้อมไว้ ก็ทำไม่ได้ ต้องแก้ไขตารางแก้ไขการฝึกทุกวัน ผลการแช่งขันครั้งนี้เลยไม่ค่อยดีนัก ไม่เป็นที่น่าพอใจ ตามคาด



ตาแป๊ะ

04 ตุลาคม, 2552

Myth - Jackie Chan & Kim Hee Sun

20 กันยายน, 2552

กิจกรรมช่วงปิดเทอมเดือน ตุลาคม มาหัดเล่นกีฬาฟันดาบกัน

ระหว่างปิดเทอม เดือนตุลาที่ใกล้ถึงนี้ ชมรมฟันดาบ สตาร์เฟนซิ่ง ขอเชิญ ผู้ที่สนใจกีฬาฟันดาบสากล มาหัดเล่นฟันดาบกัน ช่วงวันที่ 15 ถึง 31 คุลาคม เวลา 17:30 - 19:00 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เว้นแต่ต้องเดินทางมาเอง ชมรมฯมีวัตถุประสงค์ ช่วยเผยแพร่กีฬาฟันดาบให้รู้จักกันแพร่หลายมากขึ้น สนับสนุนให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการเล่นกีฬา รับตั้งแต่อายุ 10 ปีขึ้นไป จนถึงอายุ 80 ปี

สมัครได้ที่ โทร 08 400 266 40 , E-mail grid444@gmail.com

15 กันยายน, 2552

ตรังเกมส์

ผลงานล่าสุดของชมรมเราที่ กีฬาแห่งชาติ ตรังเกมส์ 1 เหรียญทอง เซเบอร์บุคคลหญิง 1 เหรียญเงินเซเบอร์บุคคลหญิง 1 เหรียญเงินเซเบอร์ทีมชาย และ 1เหรียญทองแดงเซเบอร์บุคคลชาย ในนาม นักกีฬาฟันดาบสากล กทม.
การกีฬาแห่งประเทศไทย มอบป้ายรางวัล นักกีฬาฟันดาบสากลหญิงดีเด่น ให้แก่ ศิรวลัย สตารัตน์ และป้ายรางวัล ผู้ฝีกสอนนักกีฬาฟันดาบสากลทีมหญิงดีเด่น ให้ ผู้ฝึกสอน ชมรมเราในนาม โคชจังหวัด กทม.
ประเภทเซเบอร์บุุคคลหญิง เข้ารอบ แปดคนสุดท้าย ทุกคน
1 น.ส.ศิรวลัย สตาร์รัตน์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร
2 น.ส.จิตกษม เหลืองไพโรจน์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร

3 น.ส.อุไรพร แดนกมล จังหวัดตรัง
3 น.ส.เปรมกมล เบ็ญจวรรณ จังหวัดตรัง
5 น.ส.วิติพร พจนาคม จังหวัดตรัง
6 น.ส.จิตราณุช สิริพราหมณกุล จังหวัดลพบุรี
7 น.ส.ขวัญหทัย วัชโรบล จังหวัดกรุงเทพมหานคร
8 น.ส.ภมุกา เสวตผล จังหวัดกรุงเทพมหานคร




จากที่พวกเรามาพำนักกันอยู่ที่เมืองตรัง ได้เห็นว่า ชาวตรัง น่ารักและใจกว้างจริงสมคำล่ำลือ พวกเราขอขอบคุณมากครับ






26 สิงหาคม, 2552

ขอขอบคุณนักกีฬาฟันดาบอาวุโส

ขอขอบคุณนักกีฬาฟันดาบอาวุโสท่านหนึ่ง ที่ได้กรุณาให้คำแนะนำและความคิดเห็นบางประการ เกี่ยวกับวงการ ผมไม่ได้ออกนามท่านไว้ที่นี้เนื่องจากไม่ได้เรียนขออนุญาตไว้ก่อน เป็นเรื่องบังเอิญอย่างมากที่ท่านได้ให้ความกรุณาติดต่อมา ท่านก็เป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ภูมิเช่นกัน ความคิดเห็นผมบางส่วนอาจไปครงกับความคิดที่ท่านเคยคิดไว้มานานแล้ว ส่วนในรายระเอียดอื่นๆผมคงต้องขอความกรุณาจากท่านต่อไปเมื่อมีโอกาส ผมยินดีรับคำเนะนำทุกเรื่องโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ เพื่อประโยชน์ต่อเยาวชนในอนาคต องค์ความรู้ที่ท่านมีเกี่ยวกับการฟันดาบหากผมได้รับการสั่งสอน ก็จะนำไปสอนเด็กๆต่อไปครับ

ด้วยความเคารพ

นาย กฤต สตารัตน์

F E N C I N G S U C K S


ลองถามโคชเซเบอร์อังกาเรี่ยนดู เกี่ยวกับการออกกำลังของนักกีฬาฟันดาบ อาจจะได้มุมมองที่แตกต่าง ผมใช้วิทยาศสาตร์การกีฬามาใช้ตลอดเวลา รวมถึง BIOMECHANICS การนำเสนอความคิดใดๆก็ตามถือเป็นเรื่องดี แต่ทว่าควรรู้ให้จริงรู้ให้รอบก่อน มีประสพการณ์ตรงในการฝึกนักกีฬามาจริง ทดสอบทดลองมาแล้ว เห็นผลมาแล้ว จึงนำมาใช้กับนักกีฬา ท่านเคยสอนฟันดาบหรือไม่ เหตุใดท่านจึงมาสอนการฟันดาบ ท่านมีผลงานในการสอนเป็นเช่นไร ท่านใช้แนวทางใดในการสอน ท่านวางแผนการสอนอย่างไร ท่านปรับแผนการสอนอย่างไรเมื่อไรจึงปรับ ท่านประเมินผลการสอนท่านแบบใด ท่านสอนดาบอะไร ท่านเคยเป็นนักกีฬาฟันดาบหรือไม่ ใครเป็นผู้สอนท่านฟันดาบ ท่านสอนนักกีฬามากี่คน ผลงานท่านเคยชนะชาติใดมาบ้าง

ลูกศิษย์ผมเคยชนะ อิตาลี่ รัสเซีย เสปน อเมริกา จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย ทั้งระดับเยาวชนและโอลิมปิก โกหกไม่ได้ FIE เค้ามีบันทึกไว้

เมื่อได้คำตอบจากโคชฮังกาเรี่ยนมาแล้ว คงจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกล่าว บางประการเท่านั้น

วงการฟันดาบมีผู้เกี่ยวข้องมากมาย ยังมีผู้รู้อีกมากมาย

ผมเองไม่อาจเทียบกับคำว่าผู้รู้ได้เลย เพราะใช้เวลามาไม่มากนัก แต่สิ่งที่ผมเรียนรู้มากับตากับหูกับการพูดคุยการอ่าน กับโคชหลายๆประเทศ ก็มีแนวทางคล้ายๆกันหรือเหมือนกันในแนวคิด ไม่แปลกแยกแตกต่าง

แปลภาษาเป็นไม่ใช่เรื่องยาก ได้โปรดอย่ามั่วเลย ถ้าไม่อายก็สงสารเด็กๆมันบ้าง อย่าต้องให้กระตุกกันแรงๆเหมือนบางคน วันนี้ก็ยังไม่ยอมรับยังไม่รู้ตัวกับสิ่งที่ได้ทำมา Defectiveness eliminated เวรกรรมมีจริง เวรกรรมจริงๆ

สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ



ผู้สนใจอยากเรียนการฟันดาบสากล ติดต่อสอบถามได้โดยตรงที่ สมาคมฟันดาบสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ

22 สิงหาคม, 2552

นักดาบเซเบอร์ ที่ดีที่สุด เท่าที่โลกเคยมีมา

Stanislaw Pozdniakov (Rus)

ปัจจุบันเป็นนายกสมาคมฟันดาบ ประเทศรัสเซีย ในโลกแห่งดาบเซเบอร์ เค้าคือตำนาน ที่ไม่มีใครจะทำได้เท่าเทียมตลอดกาล




ผู้ที่สนใจเรียนกีฬาฟันดาบสากล ติดต่อได้โดยตรงที่ สมาคมฟันดาบสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ

19 สิงหาคม, 2552



14 สิงหาคม, 2552

En Garde! Sport Fencing




1940 German Italian Epee Match March 1, 1940 (6 months into WWII in Europe) an Italian-German match.





1956 Melbourne Olympics Fencing
The 1956 Melbourne Olympics was the 1st Games to use the electric foil. Christian d'Oriola had previously dominated visually judged foil fencing but in the 1955 World Championships (the 1st time the electrical foil scoring apparatus was used at a World Championships) he came 2nd to Joseph Gyuricza (Hungary). After winning the Foil Event at this Olympics d'Oriola announced that he didn't like this new weapon and didn't like what it was doing to the sport vowing never to fence it again. He returned to France and only fenced what has become known as "steam foil". For more information on fencing, Christian d'Oriola and the 1956 Olympics check out www.fencingonline.com





12 สิงหาคม, 2552

The Art Of Illusion ตรงนี้ต้องขออภัยด้วยครับ

ตรงนี้ต้องขออภัยด้วยครับ เผอิญได้รับทราบข่าวการคัดเลือก ตอนเที่ยงวันที่สิบเอ็ด คาดว่าคงเข้าร่วมด้วยไม่ทันแน่ เลย ตอบปัญหาคร่าวๆตามแนวทางคัดเลือกไว้ ตรงนี้ ครับ เห็นว่าตั้งโจทย์มาได้ดีมากๆเลยครับ คงคิดกันมาหลายวัน มีแผนดีผมขอตอบแบบง่ายๆตามความเข้าใจง่ายๆนะครับ จะได้มีข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับตัวผม และผมขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับการคัดเลือกด้วยครับผม
คนเราเห็นต่าง มุมมองต่าง ความรู้ต่าง ประสพการณ์ต่าง ดีไม่ดีวัดยากนะครับถ้าถามกันปากเปล่า เรื่องจริงเป็นเท็จ เท็จเป็นจริงไม่ทราบว่ามีแบบตรวจสอบหรือไม่ครับ สังคมฟันดาบควรจะมีองค์กรที่ดี มาช่วยดูแล เพื่อเอื้อประโยชน์ร่วมกัน และเอื้อประโยชน์ให้สังคม การร่วมงานกันยังไม่เคยครับผม
เห็นด้วยครับกับข้อสอง ผมก็มีดีบ้างไม่ดีบ้างครับ แต่ไม่มีประวัติอาชญากรครับ ไม่มีหนี้สินครับ ผมชอบทำบุญทำทาน และชอบเป็นผู้ให้ครับ พยายามไม่เบียดเบียนใครครับ อยู่ง่าย กินง่าย นอนง่าย สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวกลางคืน ผมชอบอ่านหนังสือครับ ชอบดูหนัง ชอบฟังเพลง แต่ร้องเพลงไม่เก่ง ชอบสีฟ้า ด่าเก่งแต่เราต้องทำได้และดีกว่าด้วย อารมณ์ดีทุกวัน กินข้าวอร่อยทุกมื้อ ชอบข้าวเหนียวมาก ครับ
กฎสมาคมฯ ทราบครับในฐานะสมาชิกฯ ส่วนกฎและกติกาโดยละเอียดของ fie ผมแปลเองใช้เองครับ แปลมานานแล้วแต่ไม่ครบทุกหน้า กะว่าจะทำหนังสือออกมาแจกสถานศึกษา กติกาจะเป็นผนวกตอนท้าย จะใช้วันสุดท้ายในโลกนี้ด้วยครับ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการฟันดาบเซเบอร์ รู้ยังไม่หมดครับ ยิ่งหายิ่งเจอครับ เอามาสอนเด็กยังไม่หมดเลย ลองมาดูเด็กที่ผมสอนมาได้แค่สามเดือนโคชกันเองก็ได้ครับ อีกไม่กี่วันก็เห็น โชคดีเด็กๆเค้าเก่ง เลยสอนง่าย ส่วนใหญ่จะเรียนกันค่อนข้างดี
ความรู้ภาษาอังกฤษ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ระดับแค่ พอใช้ อ่านออกเขียนได้ นิดหน่อยครับ
ประสบการณ์ในการแข่งขันดาบเซเบอร์ รู้สึกดีครับ แชมป์เยาวชนไทยลูกศิษย์ผมชนะแชมป์เยาวชนรุ่นใหญ่ออสเตรเลีย แต่ผลงานที่ผ่านมาของผมยังไม่เป็นที่น่าพอใจครับ คิดว่าต้องพยายามให้มากขึ้นกว่านี้ครับ จะต้องสอนให้เล่นได้ทุกแบบการตัดสินครับ ผมเองไม่ค่อยได้ไปรบกวนสอบถามเรื่องการสอนจากใครครับ แต่คิดเองว่าคนสอนฟันดาบสอนกีฬาน่าจะเป็นคนดีทุกท่านนะครับ
การวางแผนการฝึกซ้อมนักกีฬา ก็ซ้อมแบบตั้งใจซ้อมทุกวันเลยครับ วางกันจริงจังไม่ได้หรอกครับ เด็กๆเค้าต้องเรียนเป็นหลักครับมาเล่นฟันดาบมีแต่จ่ายตัง ถ้าไม่เรียนจะโง่ โตมาจะลำบาก รายการแข่งในเมืองไทยเองก็ไม่ได้ตรงกับสากลนี่ครับ เวลาทำแผนรายการแข่งขันถามความพร้อมสมาชิกบ้างนะครับ จะได้จัดบ้าง ขออุปกรณ์มาช่วยอย่างเดียวก็พอ ผมกะว่าจะไม่เก็บเงินคนที่ร่วมการแข่งขันด้วยครับ แบบมาช่วยกันในภาคีเพื่อสังคม ไม่เน้นกะตังครับเน้นการเสียสละและการมีส่วนร่วมกัน ส่วนการแก้เกมส์ การวิเคราะห์คู่ต่อสู้ การวางแผนงานในการนำนักกีฬาเข้าสู่การแข่งขัน ผมความรู้น้อยครับ อยากรู้จริงๆป่าวครับเรื่องมันยาวแต่ละเรื่อง การใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาช่วยเหลือในการทำงาน ศึกษามาบ้างเล็กน้อยครับ จิตวิทยาในการโคชเยาวชน การกินอาหาร การบาดเจ็บ Coaching children in sport , Speed Training for Martial Arts ,Strength & power for young athletes ,Strength training for women ก็พยายามหาความรู้เพิ่มเติมไปเรื่อย ครับ การวัดผลด้วยการแข่งขันในรายการสำคัญต่างๆ ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ ถ้าผมไปแคนาดาก็พอหางานเป็นโคชได้ครับ แบบสอนเด็กๆครับเค้ามีเกณฑ์วัดระดับความสามารถโคช คงหาข้าวเหนียวทานยากเหมือนกัน การวางแผนระยะ 1 2 3 และ 4 ปี ต้องดูก่อนว่าเงินพอจะเหลือกี่มากน้อยครับ เดี๋ยวนี้เงินทองหายากครับ แผนเลยออกยาก ไม่ค่อยต่อเนื่อง ยิ่งไม่รู้โครงการอะไร กะตังมีเท่าไหร่ นักกีฬาระดับไหน เป้าหมายอะไร เอาง่ายๆนะครับ ก็ตั้งเป้าไว้แล้ว เขียนย้อนหลังมา จากปีที่สี่ สามสองหนึ่ง ครับ หางานหลักงานสนับสนุนงานหลัก ไล่ย้อนมาจนถึงวันแรกของแผน สี่ปีก็ต้องใช้พื้นที่เขียนแผนยาวมากๆเลยหลายกระดาน
ให้ประเมินจากการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และวินัยของสมาคมฟันดาบฯ ก็มีหลายแนวทางนะครับ ไม่ทราบว่าทางสมาคมฯ ทำแล้วหรือยังครับ ถ้าเคยทำแบบไหนครับถ้าทราบจะได้ประเมิน แบบเดียวกัน จะได้เข้าใจง่ายๆ นะครับตามแนวทางเดียวกัน คำว่ากฎเกณฑ์และวินัย ได้กำหนดคำนิยามเอาไว้ชัดเจนแจ้งให้ทราบทั่วกัน แล้วรึยังครับ ผมพึ่งทราบครับ มิติไหนบ้างมันมีหลายมิตินะครับ ถ้าให้ประเมินจากภายนอก ก็ควรประเมินตัวเองด้วยนะครับ บนล่างซ้ายขวา ขอดูหน่อยอย่าลักไก่แบบของราชการมันต่างกับแบบงานบริการสังคม นิดหน่อย ถ้าเป็นบริษัทเอกชนยิ่งมีความละเอียดมากครับเป้าหมายองค์กรมันด่างกัน เคยทำบ้างนิดหน่อยครับ แบบเอกชน ผมว่าทำงานไปก่อนครับอย่าพึ่งใจร้อน เอาใจช่วยครับ
การเป็นอาสาสมัครต่างๆ กับสมาคมฯ รอการประกาศรับสมัครครับ ถ้าถนัด ว่าง ได้ประโยชน์กับส่วนรวม ก็ยินดีครับตอนนี้ก็เป็นอาสาสมัครของสังคมอยู่แล้วครับ ทำทุกวัน ไม่เคยเป็นโค้ชให้กับสมาคมฟันดาบฯ มาก่อนครับทางตรง เป็นทางอ้อมครับสอนเด็กๆทั่วไปที่สนใจตั้งใจจริงๆ ช่วยเผยแพร่ การเปิดใจกว้างสามารถให้การสอนกับนักกีฬาทุกชมรม ไม่เฉพาะชมรมในสังกัด ที่ช่วยสอนตอนนี้ก็มี ประมาณแปดชมรมอะครับ คิดว่าคงจะมาเพิ่มอีก บางชมรมมาอยู่กันเป็นเดือนๆ หาที่พักหาข้าวหาน้ำเลี้ยงเด็กๆด้วยครับฟรี ได้กุศล ชมรมที่ไม่ไกลมากนักก็ขับรถไปสอนให้บ้างครับ ถ้าว่างพอ ทั้งหมดที่กล่าวมา ผมออกเงินเองทั้งหมดครับ ค่ารถค่ากิน ค่าน้ำมัน เลี้ยงข้าวเด็กๆด้วยครับ ถ้ามีโอกาส ไม่ขอรับเงินครับ ดีใจที่มีคนให้เกียรติเราครับ ที่ต่างจังหวัดก็ออกค่าที่พักเองด้วยครับได้ไปเที่ยวด้วยเด็กๆต่างจังหวัดน่าสงสารครับ เราต้องเอาหน้ากากเท่าที่มีอยู่ ดาบ ชุด ไปให้เค้าดู ให้เค้าลองเล่น เค้าไม่เข้าใจหรอกครับแค่สนุกๆ ผมมาสอนวันนี้ก็เริ่มมาจากหนุกๆนี่ละครับ ต่อไปผมจะพาเด็กๆในชมรมไปเป็นผู้ช่วยสอนด้วย แบบไปเที่ยวสมัครใจไม่มีเบี้ยเลี้ยงครับ เร็วๆนี้ก็อาจจะมีชมรมจากต่างประเทศมาขอฝึกร่วม แบบ อินเตอเชงจ์ ประมาณ เจ็ดถึงสิบวัน ฝึกสองเที่ยวหนึ่งวัน ประมาณนั้น จะรายงานให้กรุณาทราบต่อไปนะครับ ถ้าสนใจจะมาร่วมกับผมด้วยก็ได้ ยินดีครับ
ความคิดริเริ่ม ผมอยากจะจัดการแข่งขันแบบ อาสาสมัครมาช่วยกันจัดครับ ไม่อยากรับเงิน แต่มาลงขันมากน้อยไม่ว่ากันมีสปอนเซอร์ มีข้าวกินทุกคน มีของแจก การรับฟังความคิดเห็นจากผู้ร่วมงาน ผมได้รับการฝึกหัดมาให้เป็น ผบ.ร้อยรบนาโต้จากโรงเรียนทหารที่ดีทีสุดแห่งหนึ่งของโลกเกือบปี แบบไหนดี อเมริกาหรือแบบไทย มันคล้ายนะแต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว งานมันต่างกันความรับผิดชอบมันก็ต่างกัน ความรู้สึกในความรับผิดชอบกับงานตัวผมเองมักไม่ค่อยพลาดนะ ถ้าพลาดคนอื่นจะได้รับผลกระทบ การทำงานก้มหน้าไม่คุยกัน หรือ ฟังเรื่องต่อจากคนอื่นมา ยังไงมันก็ไม่ได้เรื่องหรอกครับ เห็นชัดรึยังครับ อย่าผ่านสื่อ ทำงานยังไงมันก็ต้องสอบถามความเห็นความเข้าใจ ตรงไปตรงมาดี ผมเป็นคนเปิดเผยอยู่แล้วครับ ยิ่งงานเสียสละไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้รอบรู้ทุกเรื่อง ช่วยกันคิดช่วยกันทำปกติครับ ทีนี้งานที่ว่าไม่ทราบว่าเป็นงานบวช หรืองานแต่ง คาดเอาเองว่าคงเป็นงานบวช
การเป็นผู้นำ และความรับผิดชอบ สามารถที่จะรับผิดชอบ สามารถที่จะรับมอบงานจากสมาคม และนำพาไปสู่ความสำเร็จ งานอะไรครับต้องขอเรียนถามก่อน ใหญ่เล็ก มากน้อย ผมเคยได้รับมอบหมายงานจาก ทบ.ให้เป็นหัวหน้าทีม นำกำลังพลทหารไทย จำนวน ร้อยสามสิบคน เข้าร่วมทำการฝึกผสม ที่ประเทศสิงค์โปร์ ประมาณสองสัปดาห์ ในตำแหน่งฝึก รองผู้บัญชาการกองพลน้อยผสม ที่นั่นใช้ระบบอังกฤษ เราใช้อเมริกา ก็เรียบร้อยดีได้รับการยอมรับ ทำงานราบรื่นกำลังพลเรียบร้อย ผมเป็นผู้เสนอขอปรับแก้หลักสูตรสำหรับนายทหารใหม่เหล่าทหาราบ ใช้ระบบของอเมริกาเป็นหลักผสมอังกฤษและออสเตรเลีย ผมแปลเรียบเรียงFM หลายเล่มเพื่อใช้ในงานสอน เอาแค่งานที่ใกล้เคียงกับการเป็นโคชนะครับ ส่วนงานสอนกีฬา ของสมาคมที่เคยได้คุยกันกับผู้มาเยือน แค่เริ่มก็ผิดแล้วครับ เอาคนที่ไม่รู้เรื่องดาบมาสอนดาบมาอบรมให้เล็กน้อย แล้วกลับไปสอน ผมจะบอกให้เอาบุญนะครับ อย่าทำเลยครับ เสียเงินเสียเวลาเปล่า บาปกรรม เอาอย่างนี้ครับอย่าเชื่อผมไปลองทำดูก่อน ถ้าติดขัดเมื่อไหร่ผมอาจจะไปแก้ให้ คิดอะไรคิดให้รอบนะครับ สื่อต่อไปครับว่าผมว่ายังไงในรายละเอียด อย่าไปสร้างทุกข์ให้ชาวบ้านต้องมาเครียด สมาชิกทีมีอยู่ยังดูไม่รอบเลย หรือแค่มาทดลองตั้งปัญหาเล่นๆ หวังว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น มาคุยกันใหม่ผมไม่คิดตังครับ แล้วไปตั้งปัญหามาถามใหม่ ไม่อยากประเมินกลับไปตอนนี้ จะช่วยให้งานเป็นงานจริงๆ สอนฟันดาบนะครับไม่ใช่เล่นลิเก เอาความรู้กลับไปให้บ้านเกิดดีกว่า รู้จริงทำได้จริง เดี๋ยวจะมาอายผมอีกนะ อายซ้ำๆซากจะกลายเป็นด้านไป แก้ๆนะครับ
ข้อสุดท้าย อายุมันเพียงตัวเลขครับ ผมเป็นโคชด้วยใจ ไม่มีตังก็สอน เลือกได้จะทำหรือไม่ทำ ดูโคชเซเบอร์อเมริกาครับ เป็นตัวอย่าง ยิ่งแก่ยิ่งเก่งยังไม่ตายก็ยังสอนได้ ตายไปแล้วก็อ่านหนังสือที่เขียนทิ้งไว้ให้
ที่นำเสนอมาก็หวังว่า บางอย่างกับแนวคิดแคบๆของผม คงจะประเมินอะไรได้บ้างนะครับ
ขอแสดงความเคารพ ประเทศไทย แผ่นดินเกิด และทุกท่านที่มาทำงานด้วยความเสียสละ จริงใจ
นาย กฤต สตารัตน์








จิงโจ้ พิมพ์ Learn to give at least half of me then come to talk .

11 สิงหาคม, 2552

The Art Of Fencing

กระบวนการบริหาร ในแง่ของความเป็นศาสตร์ มีหลายมุมมอง มีหลายแนวคิด ความสำเร็จที่จะเกิดจากการบริหารจัดการไม่ใช่เฉพาะการปฏิบัติตามแนวทางในทฤษฎีแต่เพียงอย่างเดียว ที่สำคัญที่สุดเป็นหัวใจของการบริหารคือ ศิลปของการเป็นผู้นำองค์กร

เช่นเดียวกันกับกีฬา ความเป็นศาสตร์สามารถหาข้อมูลเรียนรู้กันได้ไม่ยากเย็น ที่สำคัญที่สุดเช่นกันคือ ความเป็นศิลปที่มีอยู่ในศาสตร์นั้น

หลักการทางยุทศาสตร์ และหลักการทางยุทธวิธี ที่ผมยึดถือเป็นหลักการสำคัญที่สุด คือ การดำรงความมุ่งหมาย Principal of objective ห้วงเวลาสั้นๆที่เข้ามาในวงการฟันดาบ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่พึ่งจะเป็นก้าวแรก ในโลกกีฬาฟันดาบ เริ่มชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ มิใช่ความอาจหาญ หรือความท้าทาย ทั้งหมดล้วนมาจากแนวคิดหลัก ในการดำรงความมุ่งหมาย ทั้งสิ้น วันนี้มองย้อนกลับไปตรงห้วงที่เรากำลังฝ่าฟันกับอุปสรรค ที่ไม่ควรจะเป็นอุปสรรคเลย แต่มันก็เป็น เพราะความเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัว ที่มีอิทธิพลเหนือความยุติธรรมธรรมดาที่ควรจะมี ผลงานของลูกศิษย์ที่ผมสอน เอาเฉพาะที่ไม่ได้เป็นแชมป์ ในรายการห่วยแตก สี่คน ไปสิงค์โปร์ ได้มา สิบสองวี แล้วแชมป์ในรายการห่วยแตกดังกล่าวได้มากี่วี ศักดิ์ศรีของคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีจะทำให้คนที่มีศักดิ์ศรีจืดจางลงไป ตัวอย่างของความล้าหลัง ขาดความสำนึก ที่ต้องยกมาเป็นClassical Case Study เอามาสอนลูกหลานให้เห็นกระบวนการ ของพวกตัวประกอบรายการที่มีความสามารถพิเศษชนิดที่ ไม่สมควรเลียนแบบ

ทำผลงานให้ได้แค่ครึ่งหนึ่งที่ผมทำในวันนี้ เดือนนี้ ปีนี้ ก่อนนะครับ แล้วค่อยมาจิบกาแฟคุยกัน ว่าทำยังไงถึงจะเป็น Best Practice ได้สำหรับการสร้างนักกีฬาระดับเยาวชน ผมจะนั่งคอยอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน เอาแค่ชาตินี้ชาติเดียวนะ อย่ามีเวรกำไม่แบไปชาติหน้าเลย เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า เด็กๆจะก้าวมาช่วยกันทำงานต่อไป ชมรมเราเป็นแค่เพียงชมรมเล็กๆ ทำงานแบบเล็กๆ ค่อยเป็นค่อยไป มีแนวคิด และ การทำงานเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง มียุทธศาตร์ มีกลยุทธ์และมีแผนของตัวเอง มีความพร้อมและสมบูรณ์ในตัวเอง เพียงพอที่จะก้าวไปตามวิสัยทัศน์ใกล้ๆ

อย่างที่เรียนให้ทราบครับ ยืนยัน ไม่ว่าในวันไหนที่ผมคอยอยู่ตรงนี้ ใครก็ได้ที่ทำให้ได้แค่ครึ่งหนึ่งที่ผมทำก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน ขอแสดงความยินดีด้วยล่วงหน้าครับ วันนี้ตอนนี้ในเมืองไทยเอาที่เป็นคนไทยแท้ๆ ที่ผมต้องขอไปคารวะจิบชารับความรู้เกี่ยวกับการสอนฟันดาบมีเพียงท่านเดียวเท่านั้น คือ ........................................( )
โดยเหตูผลเดียวกันที่ว่า ผมทำได้ครึ่งหนึ่งตามที่ท่านเคยทำไว้ไงครับ

ก็ยังคงคอย ยังคงหวังกันต่อไปตามปกติ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถึงมือผมจะพายช้าๆ แก่มากแล้วไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง รับรองไม่เอาเท้าราน้ำแน่นอน ครับผม ความสำนึกต่อส่วนรวมผมมีพอสมควร รู้จักอายเป็นครับ

เด็กเลี้ยงควาย ธรรมดา มาสอนฟันดาบ จุ้บๆ รักนะ เด็กฉลาดชาติเจริญ จำไว้นะลูกหลานเอ้ยว่ายน้ำไม่เป็นอย่าอุตริไปสอนจรเข้ว่ายน้ำ
หัวไม่ได้มีไว้เป็นที่อยู่ของหูอย่างเดียวนะลูกนะ จะคิดจะทำอะไรให้ดูความเหมาะสมด้วย อย่าให้ใครเค้าร้องยี้ แบบตัวอย่างที่ไม่ดีที่เราเคยเห็นกันมา อันนี้เป็นแค่ตัวอย่าง แผนงานที่แสดงให้เห็นเป็นรูปที่เค้าทำเลยของจริง ไม่ใช่กลยุทธ์ ไม่ใช่ยุทศาสตร์ ไม่ใช่วิสัยทัศน์ นะลูกนะ การต่อสู้ของจริงเราต้องรู้จัก คำว่า รู้เขา 83 รู้เรา 0 ก่อนจึงมาวางแผน ว่าจะสู้ยังไงดีหว่า อิอิ หาเรื่องหลอกเด็กไปวันๆ เอาตัวรอดไปพลางๆก่อน แหม หลอกยากหลอกเย็นซะด้วย สมัยนี้เด็กมันฉลาด


ถนนที่น่าจะผ่านไปด้วยดี แต่ผ่านไม่ได้นั้นมีอยู่
กองทัพข้าศึกที่น่าเข้าตี แต่เข้าตีไม่ได้นั้นมีอยู่
ป้อมปราการที่มั่นที่น่าเข้าโจมตี แต่เข้าโจมตีไม่ได้นั้นมีอยู่
พื้นที่ที่น่าเข้ายึดครอง แต่เข้ายึดครองไม่ได้นั้นมีอยู่
คำสั่งของผู้นำประเทศที่น่าปฏิบัติตาม แต่ปฏิบัติไม่ได้ก็มีอยู่เช่นกัน

07 สิงหาคม, 2552

The Science of Fencing



กีฬาฟันดาบ มิติมุมมอง ที่มี ความลึก และ ความกว้าง ที่แตกต่าง พลวัตรใหม่ ที่ต้องสำรวจกับแนวคิดโบราณ การรู้เท่าทันพลวัตร แบบการมอง
กีฬาสมัครเล่น กับกีฬาอาชีพ การสนับสนุนที่แตกต่าง

การบริหารองค์ความรู้ (Knowledge Management )
เป็นกระบวนการจัดการความรู้ ความสามารถ และทักษะอื่นๆ ที่มีอยู่ในองค์การมาบริหารเพื่อเพิ่มคุณค่าของกิจการภายในองค์การ ซึ่งต้องประกอบไปด้วยการค้นหา การจัดการ และประยุกต์ใช้ความรู้อย่างเป็นระบบต่อเนื่อง

ทำไมองค์กรต้องมีการจัดการความรู้
1. โครงสร้างการบริหารขององค์กรไม่คล่องตัว และมีการปรับเปลี่ยนเพื่อ มุ่งเน้นการพัฒนา
2. วัฒนธรรมองค์กรยังเป็นเชิงอนุรักษ์นิยม ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปฏิบัติ
3. ความจำเป็นในการวางแผนและนำแผนไปใช้เชิงธุรกิจ (Business Plan)
4. ขาดทักษะในการจัดการเชิงระบบ ไม่เคยมีระบบมาก่อน
5. ขาดการจูงใจจากผู้นำที่มีความสามารถโน้มน้าวจิตใจคนอื่นให้ปฏิบัติตามด้วยความสมัครใจ
6. ขาดการเอื้ออำนาจ ผู้นำขาดการสร้างวัฒนธรรมการให้ความไว้วางใจกัน ขาดการยอมรับความผิดพลาดร่วมกัน
7.ขาดการสนับสนุนทรัพยากรที่เหมาะสม และการอำนวยการ จัดการระบบ
8. ไม่ยอมเผชิญความเสี่ยง (Risk Management) ซึ่งขาดการประเมินความเสี่ยงล่วงหน้า และวางมาตรการป้องกันไว้ล่วงหน้า
9. ขาดวิสัยทัศน์ หรือขาดการนำวิสัยทัศน์มาเป็นจุดร่วมกันเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ
10. ขาดสมรรถนะที่เป็นเลิศ และความสามารถในการแข่งขัน

องค์กรแห่งการเรียนรู้Learning Organization
Personal Mastery เป็นความรอบรู้แห่งตน
Mental Model มีแบบแผนของความคิด
Team Learning เรียนรู้เป็นทีม
System Thinking คิดอย่างเป็นระบบ
Share Value วิสัยทัศน์ร่วมกัน

เวลา และอำนาจที่แปรเปลี่ยน
ยุคข้อมูลข่าวสารคือ อำนาจ Information is Power
องค์กรใช้คอมพิวเตอร์เน้นระบบงานต่าง ๆ เช่น
- ระบบการให้บริการลูกค้า (Customer Service System)
- ระบบบัญชีและการเงิน (Financial Information System)
- ระบบควบคุมสินค้าคงคลัง (Inventory Control System)
- ระบบข้อมูลเพื่อการบริหาร MIS (Management Information System)
- ระบบข้อมูลเพื่อตัดสินใจ DSS (Decision Support System)
- ระบบข้อมูลสำหรับผู้บริหารระดับสูง EIS (Executive Information System)

ยุคภูมิปัญญาคืออำนาจ Knowledge is Power
รู้เท่า รู้ทัน ใช้ทัน ต้องวาง KM เพื่อทำสงครามกับความเปลี่ยนแปลงทุกเสี้ยววินาที

การจัดการองค์ความรู้
เป็นกระบวนการบริหารรูปแบบหนึ่ง เน้นการพัฒนา ด้านการเรียนรู้
1. พัฒนากระบวนงาน Business Process
2. พัฒนากระบวนการเรียนรู้ Learning Process
3. มีความสัมพันธ์กับความคิดสร้างสรรค์ Creative Thinking
4. ทีมงานสร้างสรรค์สังคมแห่งภูมิปัญญาKnowledge Society
5. ด้วยกิจกรรมที่เพิ่มคุณค่า Value Added Activities

แนวทางการบริหารองค์ความรู้
1. กำหนดวิสัยทัศน์ ชัดเจน
2 .กำหนดกลยุทธ์ ที่จะทำ
3 .เริ่มด้วยการพัฒนารูปธรรมของการเรียนรู้
เช่น ห้องประชุม ห้องสมุด เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เครือข่ายสื่อสาร อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสื่อสาร อุปกรณ์สำนักงานอัตโนมัติ
4. เข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ ; ปลูกฝังทัศนคติ พัฒนาทักษะ รู้สึกเป็นเจ้าของ โดย ลืมเรื่องเก่า เข้าเรื่องปัจจุบัน ไปสู่เรื่องอนาคต
5. การวัดผลการเรียนรู้ ; วัดเป็นรายบุคคล วัดที่ผลงาน วัดที่ระบบ (KM ไม่ใช่ผลลัพธ์ของแต่ละบุคคล แต่ต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและเป็นนโยบายขององค์กร)

การดำเนินการและเครื่องมือ
��ควรเริ่มต้นด้วยการทำโครงการนำร่องในหน่วยงานขนาดเล็ก แล้วจึงขยายผลทั่วทั้งองค์กร โดยขยายไปที่หน่วยงานขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับ
��เริ่มทำ KM ในเรื่องที่เกี่ยวกับงาน แล้วเลือกใช้วิธีการจัดเก็บความรู้ที่เหมาะสม
��แลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้ทำในสิ่งที่ผู้ปฏิบัติสนใจ
��เริ่มต้นที่การแลกเปลี่ยนความรู้ในกลุ่มงานเดียวกันก่อน แล้วจึงขยายผลไปในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
��หาผู้ช่วยในการจัดเก็บ / บันทึกความรู้ เพื่อลดภาระงานของผู้ปฏิบัติงาน
��เอาวิธีการของ KM แทรกไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ
��ใช้วิธีการของการทำ KM ในการฝึกอบรม
��มีการจัดตั้งคลังสมองเพื่อกลั่นกรองความรู้ นำมาเผยแพร่แล้ว นำไปใช้จริงในปัจจุบัน
��นำระบบพี่เลี้ยง ระบบโอนย้ายงานในการจัดการความรู้
��จัดให้มีแหล่งความรู้ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น นำระบบ IT เข้ามาช่วยในการแลกเปลี่ยนความรู้
��การแลกเปลี่ยนความรู้ในบรรยากาศไม่เป็นทางการดีกว่าบรรยากาศที่เป็นทางการ เนื่องจากทำให้พูดคุยกันได้ง่ายขึ้น เช่น พูดคุยขณะจิบกาแฟยามเช้า
�� ““ศึกษางาน ควานหาผู้รู้ สู่การลงมือ ”” การทำ CoP ควรเชิญผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ มาประชุมร่วมกัน แบ่งกลุ่มรับผิดชอบศึกษาความรู้ในแต่ละเรื่อง แล้วกลับมาประชุมอภิปรายร่วมกัน จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาเขียนเป็นคู่มือปฏิบัติงาน
��เชิญผู้รู้จากทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานมาร่วมให้ความรู้ในการทำ CoP

กระบวนการจัดการความรู้ ( แสวงหา สรรค์สร้าง สะสม สั่งสอน )
1.การเข้าถึงความรู้ที่มีอยู่ในองค์กร เพื่อเข้าให้ถึงความรู้ (Knowledge accessibility) อยู่ในองค์กร 2 ลักษณะ คือ
1.1 ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge ) เช่น หนังสือ ตำรา วารสาร หนังสือต่าง ๆ VDO อยู่ใน electronic file ฯลฯ
1.2 ความรู้ที่ฝังแน่นอยู่ในสมองคน (Tacit Knowledge) ฝังอยู่ในความคิด หรืออาจอยู่ในลักษณะที่แฝงอยู่
2. การสร้างความรู้ นำเอาความรู้ที่ฝังแน่นอยู่ในตัวบุคคลมาใช้ การสร้างความสัมพันธ์ เพื่อสร้างความรู้ (Knowledge generation )
3. การสะสมความรู้ (Knowledge accumulation) โดยจัดหมวดหมู่ความรู้ ให้เหมาะแก่การใช้งาน
4. การถ่ายทอดความรู้ (Knowledge dissemination) นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์



CoPs (Community of Practices)เป็นกิจกรรมที่คนทำงานลักษณะเดียวกัน รวมกลุ่ม พูดคุยกัน แลกเปลี่ยนความรู้ในงานที่ทำ ให้กันและกัน โดยสมัครใจ และมีเป้าหมายตรงกันที่จะ
-ช่วยเหลือกัน
-ค้นหา ทบทวน รวบรวม และเผยแพร่วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices)
-รวบรวม ปรับปรุง และเผยแพร่ความรู้ที่ใช้ในงานประจำ
-เพื่อสร้างนวัตกรรมและองค์ความรู้ใหม่ๆร่วมกัน
-ต่างคนต่างก็เอาสิ่งที่ตนปฏิบัติได้ผลดีมาพูดแลกเปลี่ยนกันไปมา โต้ตอบซักถามกันในบรรยากาศที่เป็นกันเอง และไว้วางใจ ไม่มีใครเก่งที่สุด บางคนทำแบบหนึ่ง บางคนทำอีกแบบหนึ่ง ไม่มีผิด ไม่มีถูก มีทัศนคติ "มีดีต้องแชร์

COP ย่อมาจาก Community of Practice ซึ่งหมายถึง ชุมชนนักปฏิบัติ หรือ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่รวบรวมกลุ่มคนที่มีความรู้ความสนใจในเรื่องเดียวกัน มาร่วมแลกเปลี่ยน แบ่งปัน เรียนรู้ในเรื่องนั้น ๆ ร่วมกัน เพื่อได้มาซึ่ง Knowledge Assets : KA หรือ ขุมความรู้ ในเรื่องนั้น ๆ สำหรับคนในชุมชนเพื่อไปทดลองใช้ แล้วนำผลที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างสมาชิก อันส่งผลให้ความรู้นั้น ๆ ถูกยกระดับขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการปฏิบัติ ประยุกต์ และปรับใช้ตามแต่สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่หลากหลาย อันทำให้งานบรรลุผลดีขึ้นเรื่อย ๆ

COP เป็น 1 ใน เครื่องมือของการจัดการความรู้ (KM Tools) ประเภท Non-Technical Tools สำหรับการดึงความรู้ประเภท Tacit Knowledge หรือ ความรู้ที่อยู่ในตัวบุคคล ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ภายใน
ลักษณะที่สำคัญของ COP
* กลุ่มคนที่รวมตัวกันโดยมีความสนใจและความปรารถนา (Passion) ร่วมกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง (มี Knowledge Domain)
* ปฏิสัมพันธ์และสร้างความสัมพันธ์ในกลุ่ม เป็นชุมชน (community) ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
* แลกเปลี่ยนและพัฒนาความรู้ร่วมกัน ต้อง Practice และสร้างฐานข้อมูล ความรู้ หรือแนวปฏิบัติ

ประโยชน์ของ COP
ระยะสั้น
* เวทีของการแก้ปัญหา ระดมสมอง
* ได้แนวคิดที่หลากหลายจากกลุ่ม
* ได้ข้อมูลมากขึ้นในการตัดสินใจ
* หาทางออก/คำตอบที่รวดเร็ว
* ลดระยะเวลา และการลงทุน
* เกิดความร่วมมือ และการประสานงานระหว่างหน่วยงาน
* ช่องทางในการเข้าหาผู้เชียวชาญ
* ความมั่นใจในการเข้าถึงและแก้ปัญหา
* ความผูกพันในองค์กรเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
* ความสนุกที่ได้อยู่กับเพื่อนร่วมงาน
* ได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่มีหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายกัน รวมทั้ง
อาจกำลังเผชิญปัญหาที่คล้ายคลึงกัน เมื่อได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์จะทำให้ค้นพบวิธีแก้ปัญหา
ระยะยาว
* เสริมสร้างวัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ขององค์กร
* เกืดความสามารถที่ไม่คาดการณ์ไว้
* วิเคราะห์ความแตกต่างและตั้งเป้าหมายการปรับปรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* แหล่งรวบรวมและเผยแพร่วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ
* เกิดโอกาสพัฒนาองค์กรอย่างก้าวกระโดด
* เครือข่ายของกลุ่มวิชาชีพ
* ชื่อเสียงในวิชาชีพเพิ่มขึ้น
* ได้รับผลตอบแทนจากการจ้างงานสูงขึ้น
* รักษาคนเก่งให้อยู่กับองค์กรได้
* เพิ่มโอกาสในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในองค์กร
* ขับเคลื่อนให้องค์กรบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์

ลักษณะการทำ COP
* แบบกลุ่มเล็ก และกลุ่มใหญ่
* แบบเป็นทางการ (Public) - เปิดเผย และไม่เป็นทางการ (Private) - ส่วนตัว
* แบบบนลงล่าง (Top Down) และรากหญ้า (Grass Root)
* แบบแยกฝ่าย และคละฝ่าย
* แบบคนในองค์กร-คนในองค์กร และคนในองค์กร-คนนอกองค์กร
* แบบระหว่างคน-คน และระหว่างคน-สื่อ-คน

ประเภทของ COP
* Helping Communities เพื่อแก้ปัญหาประจำวันและแลกเปลี่ยนแนวคิดในกลุ่มสมาชิก
* Best Practice Communities เน้นการพัฒนา ตรวจสอบและเผยแพร่แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ
* Knowledge-stewareding Communities เพื่อจัดระเบียบ ยกระดับ และพัฒนาความรู้ที่สมาชิกใช้เป็นประจำ
* Innovation Communities เพื่อพัฒนาแนวคิด โดยเน้นการข้ามขอบเขต เพื่อผสมผสานสมาชิกที่มุมมองต่างกัน

การทำ COP ให้บรรลุเป้าหมายของ KM
เป้า หมายของ KM : Knowledge Mangement หรือ การจัดการความรู้ คือ ดึงความรู้ในตัวบุคคลในรูปของ Tacit Knowledge ออกมาจัดเก็บให้กลายเป็นความรู้ที่ปรากฎชัดแจ้ง หรือ Explicit Knowledge เพื่อสร้าง Best Practices หรือวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ สำหรับให้บุคคลอื่นสามารถนำไปทดลองใช้ และต่อยอดยกระดับความรู้นั้นขึ้นเรื่อยๆ


กฤต สตารัตน์ รวบรวมเรียบเรียงข้อมูล (อันดับต่อไปอาจจะนำเสนอผ แนวคิดและวิธีการ สร้างโคชทั้งสามดาบในภาพรวม โดยสมาคมฯ การแบ่งระดับความสามารถโคช เพื่อการปฏิบัติและการพัฒนา โดยนำแนวคิดของสมาคมฟันดาบจากต่างประเทศมาเป็นต้นแบบวิเคราะห์ความเหมาะสม การจัดองค์ความรู้ กีฬาฟันดาบสากล สำหรับ การศึกษาทุกระบบ ทุกแบบ ทุกระดับ ในประเทศไทย ถ้าสมาคมฯไม่ริเริ่มทำใครจะทำ สิ่งที่ต้องการสำหรับระบบการศึกษา ทั้งภายใน และภายนอกองค์กร คือ Curriculum Structure โครงสร้างหลักสำหรับหลักสูตร ....Course Syllabus การประมวลรายวิชาที่จะสอนตามหลักสูตร และ Lesson Plan แผนบทเรียนของเนื้อหาที่จะทำการสอนตามรายวิชานั้นๆ ที่กล่าวมานั้น สถาบันการศึกษาทำเองตามลำพังไม่ได้ครับ ต้องปรึกษาสมาคมฯ ในรายละเอียดของเนื้อหาที่เหมาะสมเพียงพอและมีความถูกต้อง มีลำดับความสัมพันธ์ของเนื้อหา วิธีการที่จะไ้ด้มาตามที่กล่าว ก็ใช้แนวทางตามที่ผมเสนอไว้ข้างต้นนี้เองครับ KM เริ่มวางรากฐานองค์ความรู้วันนี้ตามหลักวิชาการ ตัวองค์ความรู้นี้จะถูกลูกหลานนักกีฬาฟันดาบมาพัฒนาต่อไปในอนาคต

หมากรุกที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ จะพอรึยังกับการแปลความหมายที่มีระยะห่างกับส่วนสัมพันธ์โดยนัยของความเข้าใจ อีกเรื่องครับ เรื่อง Ranking ข้อความในวงเล็บ (ปัจจุบันการให้คะแนนเหมือนให้ตามความพอใจของสมาคมฯ ) ผมรู้ครับว่าทำโดยมีหลักการ ส่วนใครกล่าวผมไม่ทราบทำไมจึงมีผู้กล่าวเช่นนั้น ผมเคยกล่าวถึงบางรายการที่จัดการแข่งขันลองไปย้อนดู ที่มาของ Ranking ประเด็นที่ผมเสนอคือ การตัดสินไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม จะส่งผลกระทบโดยตรง กับ Rank ใช่หรือไม่ นักกีฬาที่ได้รับการคัดเลือกโดยใช้ Rank ที่บิดเบือน เวลาออกไปแข่งผลเป็นยังไงเห็นแล้วรึยังครับกรุณาตรวจสอบดูด้วย ผลที่เกิดขึ้นมามันกระทบกับส่วนรวมหรือไม่ ทั้งในแง่ งปประมาณฯ แง่การจัดการ ฯลฯ สิ่งที่ผมกล่าวไว้ล่วงหน้าเป็นจริงตามที่กล่าว บทพิสูจน์ที่รอคอยการแก้ไข ผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องอยู่ไหนครับผม ชัดเจนรึยังครับ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ RANK ถ้ายังมีข้อกังขา ผมเปิดรายละเอียดที่เกัี่ยวข้องทั้งหมดตามข้อเท็จจริง ตรงนี้ ที่นี่ ก็ได้ครับ ถ้าไม่ทราบหรือไม่รู้เรื่องจริงๆ ต้องการความกระจ่าง ผมยินดีนำเสนอเรื่องนี้ให้เห็นกันชัดๆก็ได้ ไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บ แกล้งเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แล้ว อะไรไม่ดีก็แก้กันไป นี่ผมพยายามอย่างที่สุดในการแสดงออก ไม่ให้เกินเลยความเป็นจริงและหรือสร้างความเท็จ จนไปกระทบให้มีผู้เสียหายเกิดขึ้นทั้งโดยตั้งใจ และไม่ตั้งใจ ณ ปัจจุบันนี้ กรุณารับทราบด้วยขอรับกระผม ช่วยกันสร้าง ให้โอกาสกัน ทุกคนมีโอกาสผิดพลาด ผมไม่ต้องการคำอธิบายใดๆตอนนี้ อย่าคิดว่าคนอื่นเค้าโง่ ขอให้รู้ว่าจุดบกพร่องอยู่ที่ไหนแล้วแก้ไขก็จบ ถ้าไม่รู้ก็รู้ได้แล้วครับ แต่ถ้ายังทำกันแบบฝืนธรรมชาติมากเกินไปจนรับไม่ได้ ค่อยว่ากันอีกทีครับ นะท่านนะ ใช้โอกาสที่มีอยู่สร้างสรรค์จรรโลงดีกว่าครับ ทำงานที่ตัวเองชอบทำมีความถนัด หรืองานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดแล้วรึยัง สังคมจะได้รับประโยชน์ อย่ามัวแต่สร้างภาพ กับแก้ตัวแก้ต่าง

05 สิงหาคม, 2552

ช่วยกรุณาเปลี่ยนข้อมูลให้ด้วย ครับผม

อีกเรื่องครับ ขอความกรุณาเปลี่ยนข้อมูล ที่มาเยี่ยมเยียนกันแล้วส่งต่อออกไป ขอบคุณมากครับ แต่ไม่ได้สอบถามยืนยันกันอย่างชัดเจนแล้วไปสรุปเองไม่ถามเจ้าตัวก่อน ว่าใช่อย่างนี้หรือไม่ คนที่รับข้อมูลข่าวสารต่อๆกันไปอาจเกิดความเข้าใจผิดพลาด ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย ผมเข้าใจครับว่ามีความหวังดีไม่มีอะไรแอบแฝงไม่โกรธครับแต่ ก่อนจะเอาข้อมูลของใครก็แล้วแต่มาเผยแพร่ ควรจะได้รับความเห็นชอบจากคนที่เราไปเอาข้อมูลก่อนครับจะดีที่สุด เพื่อให้มีความชัดเจน

แผนในอนาคตของชมรมฯ ขอให้เปลี่ยนเป็น วิสัยทัศน์ ชมรมจะสร้างนักกีฬาฟันดาบให้ไปถึงโอลิมปิก
ถ้าไม่แก้ เป็นไปตามที่ท่านนำเสนอมันตลกนะครับ ขนาดญี่ปุ่นยังไม่มีปัญญาเลย ชมรมเล็กๆไม่ใช่ขมรมเทวดาครับ เอาตามความสามารถที่จะทำได้จริงๆดีกว่าครับ ขอบคุณที่ช่วยเติมให้ครับ
ส่วนเรื่องการฝึกโคช ขอขยายความนิดนึงนะครับ ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิดมาฝึกกันสามวันเจ็ดวันแล้วจะมีความสามารถไปสอนต่อ ได้เลย การฝึกโคชยากกว่าฝึกนักกีฬาหลายเท่ามากๆ ไม่อย่างนั้นคนที่เข้าอบรมการเป็นโคชตามที่สมาคมเคยจัดก็ออกไปสอนกันเยอะแยะ แล้วซิครับ การจะเป็นโคชที่ดีไม่ใช่แค่รู้เรื่องการสอนกีฬาอย่างเดียว มันมีเรื่องอีกหลายเรื่องมาเกี่ยวข้องตามที่คุยกันนะครับ ผมจะสอนให้ตามแผนงานสมาคมฯ หมายถึงแผนงานนั้นมาจากยุทศาสตร์สมาคมฯ และมีผู้เกี่ยวข้องที่จะต้องจัดทำโครงสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนของการฝึก สอนสำหรับการเป็นโคช จัดทำร่างหลักสูตรขึ้นมาตรวจสอบ ทดลองสอน ปรับครั้งที่หนึ่ง สอง สาม ปรับไปจนหลักสูตรมีความเหมาะสม แล้วก็ต้องปรับไปให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเสมอ ระดับความสามรถของโคชก็มีต่างระดับกัน ดังนั้นเราต้องทำหลักสูตรออกมาหลายระดับเช่นกันเพื่อให้เหมาะสม ฝึกไปแล้วมาเข้าทำเนียบโคช ถ้าออกไปสร้างผลงานได้ดีในระดับที่สมาคมฯตั้งเกณฑ์เอาไว้ ก็ได้เลื่อนระดับแต่ต้องกลับมาอบรมเพิ่มเติมด้วย อันนี้เป็นสภาพแวดล้อมภายในสำหรับการจัดการของสมาคมฯที่ต้องปรึกษาหารือกัน อย่างจริงจัง เรื่องโคชนี่สำคัญมากเป็นส่วนหลักส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการการกีฬา ส่วนสภาพแวดล้อมภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนวิชาการฟันดาบสากล ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมากครับ เขียนกันยาวยืด เอาคร่าวๆก่อนตามนี้ครับ

ถ้าเริ่มไม่ถูกต้องเหมาะสม กระบานการมันจะมีฟี้ดแบคกลับมาให้แก้กันเหนื่อยครับ ตั้งหลักกันให้ดีก่อนแล้วทำ อย่ารีบจนหารายละเอียดที่ไหนกันไม่เจอเลย องค์ความรู้เรื่องดาบสากล มีผู้รู้อยู่หลายท่านครับแต่ยังไม่ได้มาสังคายนาเพื่อกิจการเรียนการสอนกัน อย่างเต็มรูปแบบ คาดว่าทางสมาคมฯคงมีแนวคิดเบื้องต้นไว้แล้วเกี่ยวกับการสร้างโคชเองระดับต้น การสร้างโคชให้ตอบสนองยุทธศาสตร์สมาคมฯได้จริงๆ คงอีกไม่ไกลครับ ต้องใช้ความสามารถจากผู้รู้หลายๆท่านมาช่วยกันสร้าง สร้างได้ครับขอยืนยันแต่จะให้สัมฤทธิ์ผลมากน้อยแค่ไหน ขึ้นกับการเริ่มต้นของสมาคมฯสร้างมาแล้วไปสอนได้จริง มีความรับผิดชอบ สามารถแก้ไขปัญหาได้เองพอสมควรตามหน้าที่โคช ไม่ใช่มาเรียนเอาใบประกาศครับ แล้วมันจะตอบสนองยุทธศสตร์สมาคมฯไม่ได้

ข้อมูลทุกอย่างในเวปบล้อกของผม ผมรับประกันในทุกตัวอักษรครับ สอบถามมาได้เลยหากมีข้อสงสัยใดๆ ดังนั้นขอความกรุณาปรับเปลี่ยนข้อมูลของท่านใหม่ เพื่อให้มีความชัดเจนในการทำความเข้าใจครับ แล้วค่อยส่งต่อกันใหม่นะครับ

ขอบคุณมากครับในความหวังดี
กฤต สตารัตน์

03 สิงหาคม, 2552

ที่ฝึกซ้อมใหม่ STAR FENCING CLUB

ความยากลำบาก ของพวกเรา ในการฝึกซ้อมกีฬาฟันดาบ ต้องใช้แนวคิดว่าโบราณเค้าฝีกฟันดาบกันมาอย่างไรเราก็ทำตามบรรพบุรุษของเราแบบนั้น เราก็ใช้พี้นที่ว่างเท่าที่จะหาได้สำหรับการฝึกซ้อม ใช้ห้องพัก ระเบียงหน้าห้องพัก ถนนที่ว่าง กับเจ็ดปีในความพยายาม ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น เราก็ไม่ได้คาดไว้ก่อนว่าโลกกีฬาฟันดาบที่ยิ่งใหญ่เหมือนฝันนั้นแท้จริงแล้วมันอยู่แค่ปลายดาบเรานี่เอง เราทำได้ดี แล้วเราก็ทำได้ดียิ่งขึ้น หลากหลายอารมณ์หลากหลายความรู้สึก ตรงสามแยกแห่งความสำเร็จ ทุกก้าวที่เหยียบย่ำบนถนนที่พวกเราเรียกว่าที่ฝึกซ้อม พวกเราทุกคนรักพื้นที่ตรงนี้ของเรามากที่สุด ตรงนี้ที่ที่ให้โอกาสเล่นกีฬา ที่ที่ให้โอกาสทางการศึกษา แม้ว่าเวลาฝึกบางครั้งพวกเราได้กลิ่นจากถังขยะที่วางอยู่ข้างๆ เราทนกันได้ทุกคนไม่มีใครเคยบ่นเลยว่าเหม็น พวกเราทุกคนต่างรู้หน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองดี ไม่ว่าใครจะเก่งกว่ากันแค่ไหนเราต่างก็ฝึกกันด้วยความตั้งใจทุกครั้ง ที่เดียวที่หล่อหลอมพวกเราให้รู้จักคำว่า เกียรติ และ ศักดิ์ศรี ของกีฬาฟันดาบ ไม่ว่าอุปสรรคจะเป็นอย่างไรก็ตาม พวกเราก็ช่วยกันฝ่าฟันต่อสู้ร่วมกันมา พวกเราอยู่ร่วมกันด้วยใจด้วยความรักและความจริงใจต่อกัน ในที่สุดก็มีผู้ใจบุญได้กรุณาให้ความช่วยเหลือชมรมของพวกเรา โดยการให้การสนับสนุนทุนทรัพย์และการจัดการเพื่อสร้างสถานที่ฝึกซ้อมให้กับพวกเรา ท่านสงสารที่พวกเราต้องหนีฝน ต้องซ้อมกันภายใต้แสงที่สว่างไม่เพียงพอ ต่อไปนี้พวกเราจะไม่ต้องหนีฝน ไม่ต้องทนกลิ่นขยะ ไม่ต้องกีดขวางรถบนถนน ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีใครยื่นมือมาช่วยเหลือพวกเราได้มากมายถึงขนาดนี้ ตัวผมเองรู้สึกทราบซึ้งอย่างที่สุด เด็กๆทุกคนต่างก็มีความรู้สึกที่ไม่แตกต่างไปจากผม ขอกราบขอบพระคุณกับความเมตตาที่มีให้พวกเรา ทำให้พวกเราทุกคนยิ่งมีกำลังใจมากขึ้น ต่อไปนี้พวกเราจะได้มีโอกาสในการฝึกซ้อมที่ดีมากขึ้น พวกเราจะมุ่งมั่นทุ่มเทร่วมกันเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติต่อไปอย่างดีที่สุด




พื้นที่ฝึกใหม่ของพวกเราก็อยู่ใกล้ๆกันกับที่เดิม เป็นลานจอดรถเก่า ท่านผู้บังคับหน่วยปัจจุบันได้ให้ความอนุเคราห์ในการใช้พื้นที่โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในทางกีฬาร่วมกันกับหน่วยตามความเหมาะสม พื้นที่ใช้สอยโดยประมาณ 230 ตารางเมคร มีโครงหลังคาเมทัลชีทพร้อมฉนวนกันความร้อนคลุมพื้นที่ มีห้องประชุมเล็กๆที่ใช้เป็นห้องเรียนได้ประมาณ สิบห้าคน มีห้องเก็บอุปกรณ์ มีห้องน้ำ และพื้นทีฝึกซ้อมซึ่งแบ่งเป็นสนามซ้อมได้สี่สนาม อุปกรณ์ประจำสนาม มีเครื่องไฟสี่เครื่อง ระบบรอกแบบสายยืดบนพื้นสองชุดของฮังการีและ บนผนังสองชุดของจีน ต่อไปผู้ที่สนใจจัดทำชมรมดาบอาจมาดูตัวอย่างการจัดพื้นที่ของชมรมเราได้ เครื่องไฟเราได้มาตรฐานFIEทั้งสามดาบ ราคาประหยัดมากประมาณเครื่องละหนึ่งหมื่นบาทไม่รวมค่าขนส่ง ใช้การได้ค่อนข้างดี พวกเราทุกคนในชมรมยินดีให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับกีฬาฟันดาบโดยไม่คิดมูลค่าใดๆ ตามเจตนารมณ์เดิมของพวกเรา กิจกรรมในอนาคตบนพื้นที่นี้พวกเราขอมอบให้กับสังคมตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการมาร่วมฝึกหัดฝึกซ้อมของนักกีฬาฟันดาบทั่วไป หรือการสนับสนุนการฝึกหัดต่างๆให้กับสมาคมฯตามแผนยุทธศาสตร์ต่างๆที่สมาคมฯวางไว้ต่อไป

กฤต สตารัตน์

วันนี้ก็ยังมีคนที่ยังไม่รู้จักคำว่านักดาบ ผมจับดาบมาตั้งแต่ท่านยังไม่เกิด หรือท่านยังจับช้อนกินข้าวไม่เป็น ทั้งดาบไทย ดาบจีน และดาบฝรั่ง ตามลำดับ เคยเช็ดเลือดบนดาบ ไม่รู้ก็เป็นเรื่องปกติ รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย นะครับ ผมเป็นผู้ที่มีความชำนาญในการใช้อาวุธโบราณหลายชนิดและ อาวุธสงคราม ระดับผู้สอนครับ มีครูสอนผมทุกดาบ ส่วนกีฬาฟันดาบผมมีโอกาสได้เรียนกับท่านอาจารย์ภูมิโดยตรงครับ ก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนหมือนกันครับว่าต้องมาสอนกีฬาฟันดาบ ชะตาฟ้าลิขิต บ้านผมอยู่บางพูด ท่านมาถึงบางอ้อแล้วรึยังครับ

02 สิงหาคม, 2552

รู้ไว้ใช่ว่า "กฎหมายว่าด้วยการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต"



หมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต
[ 2008-04-11 10:36:02 ] Add to Favorite Categories : Social
บทความนี้จากหนังสือข่าว ส.ส.ท. โดย พรเทพ ทวีกาญจน์
เอามาลงเพื่อเป็นความรู้สำหรับคนเล่นอินเตอร์เน็ต

มาดูว่าการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต คืออะไร ก่อนที่จะพิจารณาถึงเรื่องนี้ควรจะพิจารณาก่อนว่า หมิ่นประมาทนั้น มีลักษณะการกระทำอย่างไร หมิ่นประมาทคือ การใส่ความผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ เช่น พูด เขียน พิมพ์ข้อความ หรือแสดงกริยาต่างๆ โดยการใส่ความดังกล่าวนั้น ต้องเป็นการกระทำให้บุคคลที่สามรับทราบ ซึ่งเป็นการกระทำให้ผู้ถูกใส่ความนั้น ได้รับความเสียหาย

ดังนั้น ผู้กระทำการหมิ่นประมาท จะมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา กล่าวคือ การหมิ่นประมาทนั้น ผู้กระทำผิดจะมีความหมายทางแพ่ง ฐานละเมิดตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 ซึ่งมีหลักการสำคัญ คือ ผู้กระทำได้กล่าว หรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความที่ขัดต่อความเป็นจริง เป็นผลให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ต่อชื่อเสียงเกียรติคุณ

นอกจากนี้การหมิ่นประมาท ยังถูกบัญญัติให้เป็นความผิดหนึ่ง ในประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 326 ซึ่งลักษณะการกระทำคือ ผู้กระทำความผิดได้ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง การพิจารณาข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาทในทางอาญานั้น อาจเป็นความจริง หรือเท็จก็ได้ดังที่เคยมีคำกล่าวว่า "ยิ่งจริงยิ่งผิด" เพราะกฏหมาย มุ่งพิจารณาแต่เพียงว่าถ้ามีการกล่าวถึงบุคคลอื่น ในด้านที่ไม่ดีแล้ว ย่อมจะทำให้สังคมไม่สงบสุข ไม่ว่าข้อความนั้นจะเป็นจริงหรือไม่

ความรับผิดทางอาญา และทางแพ่งมีข้อแตกต่าง ประการสำคัญทีสุด คือ หากข้อความที่กล่าวเป็นเรื่องเท็จ ผู้กระทำจะมีความผิดทางอาญา และต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง แต่ถ้าข้อความที่กล่าวเป็นจริง ผู้กระทำจะมีความผิดทางอาญา แต่ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง

กรณีความผิดทางอาญา ในการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต จะมีความผิดตามมาตรา 326 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่ทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมื่น หรือ ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ"

หากนำข้อความ หรือภาพที่มีลักษณะหมิ่นประมาท ไปลงไว้ในเว็บไซต์ คนทั่วไปย่อมสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ อันเป็นลักษณะของการโฆษณาด้วยภาพ หรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎด้วยวิธีใด อย่างหนึ่ง ซึ่งในมาตรา 329 บัญญัติไว้ว่า "ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาท ได้กระทำโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนต์ ภาพ หรือ ตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎ ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท" ผู้กระทำจะต้องได้รับโทษหนักกว่ามาตรา 326 เพราะการโฆษณาเป็นการทำให้ข้อความหรือภาพที่มีลักษระหมิ่นประมาทกระจายไปสู่ คนจำนวนมากกว่าการหมิ่นประมาททั่วๆ ไป

ความผิดสำเร็จในความผิดฐานหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ตนั้น จะถือว่าความผิดสำเร็จเมื่อใด เมื่อพิจารณาถ้อยคำที่ว่า "โดยประการที่ทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมื่น หรือถูกเกลียดชัง" ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 326 นั้นไม่ใช่ผลของการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ต้องถือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว แต่จะพิจารณาว่าผิดสำเร็จ หรือไม่จากวิญญูชนทั่วไป (บุคคลทั่วไป) ว่าเมื่อได้รับทราบข้อความนั้นแล้ว เห็นว่าน่าจะเกิดความเสียหายแต่ผู้อื่นหรือไม่ ถ้าเห็นว่าน่าจะเสียหาย ผู้กระทำก็จะมีความผิดแล้ว แต่ถ้าบุคคลทั่วไปเห็นว่าไม่น่าจะเสียหายแต่ผู้อื่น ผู้กระทำก็ไม่มีความผิด และต้องได้ข้อเท็จจริงว่า บุคคลที่สามรับทราบข้อความนั้นแล้ว จึงจะถือว่าเป็นความผิดสำเร็จ

ถ้าบุคคลที่สามยังไม่ได้รับทราบข้อความนั้นเลย ก็เป็นแต่เพียงขั้นพยายามหมิ่นประมาทเท่านั้น คือ ผู้กระทำได้กระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผล เช่น นายเอก ส่งอีเมลล์ให้นายโท โดยมีข้อความหมิ่นประมาทนายตรี ถ้านายโทยังไม่เปิ[คำไม่พึงประสงค์]่าน ถือว่านายเอกได้กระทำไปตลอดแล้ว แต่ไม่บรรลุผล คือ นายโท ยังไม่ได้รับทราบข้อความนั้น จีงมีความผิดเพียงขั้นพยายามหมิ่นประมาทรับโทษเพียงสองในสาม แต่ถ้านายโทเปิ[คำไม่พึงประสงค์]่านอีเมล์ฉบับดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่ามีบุคคลที่สามรับทราบข้อความแล้ว จึงเป็นความผิดสำเร็จโทษเต็มตามที่กฎหมายบัญญัติ

ในกรณีเมื่อได้รับอีเมลล์ที่มีข้อความหมิ่นประมาท และได้ forward ต่อไปให้ผู้อื่น จะมีความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ ประเด็นนี้เกิดขึ้นได้บ่อยมากในปัจจุบัน เพราะสามารถทำการส่งข้อความหรือภาพ ที่เราได้รับมาไปให้เพือนหรือ คนรู้จักกันได้อีกไม่จำกัดจำนวน ประเด็นนี้สามารถเทียบเคียงได้กับคำพิพากษาศาลฎีกาที 2822/2515 ซึ่งมีข้อเท็จจริงคือ จำเลยแสดงข้อความในจดหมายที่ได้รับจากผู้อื่น โดยรู้อยู่ว่าจดหมายนั่นมีข้อความหมิ่นประมาท ถือได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาท

เหตุที่มองว่าการ Forward-mail ไปให้ผู้อื่นถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท เพราะผู้กระทำนั้นเมื่อได้รับทราบข้อความ แล้วได้ทำการเผยแพร่ต่อไป เท่ากับเป็นการใส่ความผู้เสียหายต่อไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการขยายความเสียหายออกไป อีกจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นเอง แล้วถ้าหาก Forward-mail ต่อไปให้บุคคลอื่นอีกหลายคน จะถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาที่ต้องรับโทษหนักขึ้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 นั้น จะต้องพิจารณาจากการกระทำเป็นหลัก ว่าเป็นการโฆษณาหรือไม่ โดยไม่คำนึงถึงจำนวนบุคคลผู้รับข้อความ ว่าจะมีจำนวนมากน้อยเพียงใด

**เพิ่มเติมอีกนิดนะจ๊ะ
.กรณีศึกษาอาชญากรรมและกฎหมายไอที

การCopy รูปภาพ/ข้อความบนเว็บไซต์ของผู้อื่นมาใช้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ จำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าของเสียก่อน แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับกรณีเพื่อการศึกษา โดยต้องมีการอ้างอิงและขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์

การหมิ่นประมาททาง อินเตอร์เน็ตสามารถฟ้องร้องเอาผิดได้หรือไม่ สามารถฟ้องร้องได้ทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง โดยอาญานั้นยิ่งจริงยิ่งผิด ไม่สามารถยอมความได้นะจ๊ะ 1 คำหมิ่นประมาท คิดเป็นหนึ่งบทลงโทษ 100 คำหมิ่นประมาท(ต่อคน) ก็บวก ลบ คูณ หารกันเอาเองนะ คนตั้งกระทู้โทษหนักพักพวกก็โดนนะจ๊ะ

การทำHyperlink ไม่ให้ละเมิดลิขสิทธินั้น ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์เสียก่อน

โหลด โปรแกรมหรือเพลงทางอินเตอร์เน็ต ถ้าใช้งานแบบถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ต้องเป็นโปรแกรมประเภท Freeware,Shareware ส่วนการโหลดเพลงขึ้นบนอินเตอร์เน็ตให้คนทั่วไปโหลดได้ฟรีๆเป็นการละเมิด ลิขสิทธิ์ถือเป็นคดีอาญา

เอิ๊กๆ มีหลายกรณีแล้วนะค่ะที่ฟ้องร้องกันมา ระวังน๊าโพสพาดพิงถึงคนขี้โมโห
และเอาเรื่อง จะถูกฟ้องไม่รู้ตัว ตรงนี้ไม่สามารถเอาลิงค์มาให้ดูได้ เพราะยังไม่ได้ขอเจ้าของ
แต่หาในgoogle คำว่าหมิ่นประมาททางอินเตอร์เนตได้จ๊ะ น่าจะมีตัวอย่างคนที่ถูกฟ้องร้องให้ดู

ถ้าเห็นว่ากระทู้นี้มีประโยชน์โหวดให้ด้วยจ๊ะ อ้อระวังนะเวลาตั้งกระทู้ถึงใครให้เอ่ยชื่อย่อ
แต่ถ้ามันทำให้เขาเสื่อมเสียต่อสาธารณชน และโฆษณามีผลให้เสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม
ก็อย่าไปทำเลยเพราะว่าเราคนไทยเหมือนกัน "รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย"

อีกอย่างนะจ๊ะแม้เอ่ยชื่อย่อ แต่เมื่อพูดไปแล้ว เขียนข้อความลงไป แล้วคนอื่นรู้ว่าเป็นบุคคลคนนั้น
ก็ โดนเหมือนกันนะ เดี๋ยวนี้แม้แต่เล่นอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ก็จับได้นะจ๊ะ เพราะกฎหมายเขาให้ร้านเก็บข้อมูลไว้ 90 วัน อย่าไปเชื่อใครว่าในเน็ตทำอะไรไม่ได้ล่ะ มีคนโดนมาแล้วปัจจุปันหนีหัวซุน บางคนก็ต้องสู้คดีเสียเวลา เสียเงิน ยิ่งโดนคดีอาญานี้แสบจริงๆ ยอมความไม่ได้เลยน๊า


แล้วบางทีถ้าเราตั้งกระทู้หมิ่นเหม่ แล้วถูกลบก็อย่าไปโกรธเว็บไซส์นะจ๊ะเพราะว่า
หากมีการฟ้องร้องทางคดีความ เวบไซต์ "อาจจะ" ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย
(อ้างอิงจาก พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ www.dsi.go.th/dsi/gallery/yanaphon/comp_law_2007.pps)
***********************
มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔

เหตุผล ผู้ให้บริการในที่นี้มุ่งประสงค์ถึง เจ้าของเว็บไซต์ ซึ่งมีการพิจารณาว่า
ควรต้องมีหน้าที่ลบเนื้อหาอันไม่เหมาะสมด้วย

บทกำหนดโทษ
มาตรา ๑๔ โทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี โทษปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท

ที่มา http://www.dek-d.com/

ทัศนคติ (Attitude)

ทัศนคติ (Attitude)
ทัศนคติ เป็นแนวความคิดที่มีความสำคัญมากแนวหนึ่งทาง จิตวิทยาสังคม และ การสื่อสาร และมีการใช้ คำนี้กันอย่างแพร่หลาย สำหรับการนิยามคำว่า ทัศนคติ นั้น ได้มีนักวิชาการหลายท่านให้ความหมายไว้ดังนี้

โรเจอร์ (Roger , 1978 : 208 – 209 อ้างถึงใน สุรพงษ์ โสธนะเสถียร , 2533 : 122) ได้กล่าวถึง ทัศนคติ ว่า เป็นดัชนีชี้ว่า บุคคลนั้น คิดและรู้สึกอย่างไร กับคนรอบข้าง วัตถุหรือสิ่งแวดล้อมตลอดจนสถานการณ์ต่าง ๆ โดย ทัศนคติ นั้นมีรากฐานมาจาก ความเชื่อที่อาจส่งผลถึง พฤติกรรม ในอนาคตได้ ทัศนคติ จึงเป็นเพียง ความพร้อม ที่จะตอบสนองต่อสิ่งเร้า และเป็น มิติของ การประเมิน เพื่อแสดงว่า ชอบหรือไม่ชอบ ต่อประเด็นหนึ่ง ๆ ซึ่งถือเป็น การสื่อสารภายในบุคคล (Interpersonal Communication) ที่เป็นผลกระทบมาจาก การรับสาร อันจะมีผลต่อ พฤติกรรม ต่อไป

โรเสนเบิร์ก และฮอฟแลนด์ (Rosenberg and Hovland , 1960 : 1) ได้ให้ความหมายของ ทัศนคติ ไว้ว่า ทัศนคติ โดยปกติสามารถ นิยาม ว่า เป็นการจูงใจต่อแนวโน้มใน การตอบสนองอย่างเฉพาะเจาะจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เคลเลอร์ (Howard H. Kendler , 1963 : 572) กล่าวว่า ทัศนคติ หมายถึง สภาวะความพร้อม ของบุคคล ที่จะ แสดงพฤติกรรม ออกมา ในทางสนับสนุน หรือ ต่อต้านบุคคล สถาบัน สถานการณ์ หรือ แนวความคิด

คาร์เตอร์ วี. กูด (Carter V. Good , 1959 : 48) ให้คำจำกัดไว้ว่า ทัศนคติ คือ ความพร้อม ที่จะ แสดงออก ในลักษณะใด ลักษณะหนึ่ง ที่เป็น การสนับสนุน หรือ ต่อต้านสถานการณ์ บางอย่าง บุคคล หรือสิ่งใด ๆ

นิวคอมบ์ (Newcomb , 1854 : 128) ให้คำจำกัดความไว้ว่า ทัศนคติ ซึ่งมีอยู่ในเฉพาะคนนั้น ขึ้นกับ สิ่งแวดล้อม อาจ แสดงออก ในพฤติกรรม ซึ่งเป็นไปได้ใน 2 ลักษณะ คือ ลักษณะชอบหรือพึงพอใจ ซึ่งทำให้ผู้อื่นเกิด ความรักใคร่ อยากใกล้ชิดสิ่งนั้น ๆ หรืออีก ลักษณะหนึ่ง แสดงออก ในรูปความไม่พอใจ เกลียดชัง ไม่อยากใกล้สิ่งนั้น

นอร์แมน แอล มุน (Norman L. Munn , 1971 : 71) กล่าวว่า ทัศนคติ คือ ความรู้สึก และ ความคิดเห็น ที่บุคคล มีต่อสิ่งของ บุคคล สถานการณ์ สถาบัน และข้อเสนอใด ๆ ในทางที่จะยอมรับ หรือปฏิเสธ ซึ่งมีผลทำให้ บุคคลพร้อม ที่จะ แสดงปฏิกิริยา ตอบสนอง ด้วย พฤติกรรม อย่างเดียวกันตลอด

จี เมอร์ฟี , แอล เมอร์ฟี และ ที นิวคอมบ์ (G. Murphy , L. Murphy and T. Newcomb , 1973 : 887) ให้ความหมายของคำว่า ทัศนคติ หมายถึง ความชอบ หรือไม่ชอบ พึงใจ หรือไม่พึงใจที่บุคคลแสดงออกมาต่อสิ่งต่าง ๆ

เดโช สวนานนท์ (2512 : 28) กล่าวถึง ทัศนคติ ว่าเป็นบุคลิกภาพที่สร้างขึ้นได้ เปลี่ยนแปลงได้และเป็น แรงจูงใจ ที่กำหนด พฤติกรรม ของบุคคล ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ

ศักดิ์ สุนทรเสณี (2531 : 2) กล่าวถึง ทัศนคติ ที่เชื่อมโยงไปถึง พฤติกรรมของบุคคล ว่า ทัศนคติ หมายถึง
1. ความสลับซับซ้อนของความรู้สึก หรือการมีอคติของบุคคล ในการที่จะ สร้างความพร้อม ที่จะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตามประสบการณ์ของบุคคลนั้น ที่ได้รับมา
2. ความโน้มเอียง ที่จะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งในทางที่ดีหรือ ต่อต้าน สิ่งแวดล้อม ที่จะมาถึงทางหนึ่งทางใด
3. ในด้าน พฤติกรรม หมายถึง การเตรียมตัว หรือความพร้อมที่จะตอบสนอง

จากคำจำกัดความต่าง ๆเหล่านี้ จะเห็นได้ว่ามีประเด็นร่วมที่สำคัญดังนี้คือ
1. ความรู้สึกภายใน
2. ความพร้อม หรือ แนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมในทางใดทางหนึ่ง

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ทัศนคติ เป็นความสัมพันธ์ที่คาบเกี่ยวกันระหว่างความรู้สึก และความเชื่อ หรือการรู้ของบุคคล กับแนวโน้มที่จะมี พฤติกรรมโต้ตอบ ในทางใดทางหนึ่งต่อเป้าหมายของ ทัศนคติ นั้น
โดยสรุป ทัศนคติ ในงานที่นี้เป็นเรื่องขอ งจิตใจ ท่าที ความรู้สึกนึกคิด และความโน้มเอียงของบุคคล ที่มีต่อข้อมูลข่าวสาร และการเปิดรับ รายการกรองสถานการณ์ ที่ได้รับมา ซึ่งเป็นไปได้ทั้งเชิงบวก และเชิงลบ ทัศนคติ มีผลให้มีการแสดง พฤติกรรม ออกมา จะเห็นได้ว่า ทัศนคติ ประกอบด้วย ความคิดที่มีผลต่ออารมณ์ และความรู้สึกนั้น ออกมาโดยทางพฤติกรรม

ที่มา http://www.novabizz.com/NovaAce/Attitude.htm

การบริหารความขัดแย้ง (Conflict Management)